เชียงใหม่ - ตำรวจคุมตัว “พิยดา” สาววัย 19 หัวโจกแก๊งหลอกขายมือถือส่งพนักงานสอบสวน สภ.นาหวายดำเนินคดีแล้ว พร้อมเตรียมคัดค้านการประกันตัว ขณะที่รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 สอบปากคำแล้ว มั่นใจหลักฐานแน่นหนาชัดเจนเอาผิดคดีตุ๋นเด็กชายนักเรียน ม.2 จนเครียดเส้นเลือดสมองแตกตายได้แน่นอน แม้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและอ้างไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ความคืบหน้ากรณีวันนี้ (28 ก.ย.) นางสาวพิยดา ทองคำพันธ์ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีหลอกขายโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นเหตุให้เด็กชายนักเรียนชั้น ม.2 อายุ 14 ปี ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เครียดจนเส้นสมองแตกเสียชีวิต เดินทางเข้ามอบตัวรับทราบข้อกล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว พร้อมนำตัวไปสอบปากคำอย่างละเอียดที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ให้ พันตำรวจเอก ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 เป็นผู้สอบปากคำ ซึ่งนางสาวพิยดามีทนายความส่วนตัวอยู่ร่วมในการให้ปากคำด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (28 ก.ย.) เวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนางสาวพิยดา ออกจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำตัวไปส่งให้พนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรนาหวาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเจ้าของคดีหลอกขายโทรศัพท์มือถือให้เด็กชายนักเรียนชั้น ม.2 อายุ 14 ปี ที่เครียดจนเส้นสมองแตกเสียชีวิต โดยภายหลังจากที่ออกมาจากห้องสอบสวนที่ให้ปากคำนานนับชั่วโมงนั้น นางสาวพิยดาได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถามใดๆ
ทั้งนี้ พันตำรวจเอก ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้นทางผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ขณะที่ทนายความขอเวลาในการจัดเตรียมเอกสารเพื่อประกอบการชี้แจงให้ปากคำอีกครั้ง โดยจากนี้ได้นำตัวนางสาวพิยดาไปส่งให้พนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรนาหวาย เจ้าของคดีตามหมายจับเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการตามกฎหมายต่อไป ส่วนการประกันตัวนั้น เป็นสิทธิของผู้ต้องหา ซึ่งเบื้องต้นทางตำรวจจะคัดค้านการประกันตัว และให้ศาลเป็นผู้พิจารณา
ขณะที่เรื่องการอายัดตัวจากการกระทำความผิดในพื้นที่อื่นๆ นั้น หากพบว่ามีหมายจับที่อื่นก็สามารถอายัดตัวเพื่อนำไปดำเนินคดีได้ ซึ่งเบื้องต้นเท่าที่ทราบผู้ต้องหารายนี้น่าจะมีหมายจับอีก 3-4 คดี โดยในส่วนของคดีหลอกขายโทรศัพท์มือถือให้เด็กชายนักเรียนชั้น ม.2 อายุ 14 ปีที่อำเภอเชียงดาวนั้น แม้ว่าทางผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธและอ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ แต่จากการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว มีพยานหลักฐานชัดเจนจนออกหมายจับและเชื่อมั่นว่าสามารถดำเนินคดีเอาผิดผู้ต้องหารายนี้ได้อย่างแน่นอน
ส่วนผู้ต้องหา 2 คนที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้นั้น แม้ว่านางสาวพิยดาจะปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่รู้จักกัน แต่ไม่เป็นปัญหาอุปสรรคในการดำเนินคดีและเอาผิด เพราะจากการสืบสวนสอบสวนพบพยานหลักฐานความเชื่อมโยงกันในลักษณะของการร่วมกันกระทำผิด ขณะที่การดำเนินการเกี่ยวกับการยึดทรัพย์ของนางสาวพิยดานั้นขึ้นอยู่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในการที่จะดำเนินการ