กาญจนบุรี - กรมอุทยานฯ เปิดศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่า พร้อมปลูกหญ้าเนเปียร์ในพื้นที่ยึดคืนมาจากทายาทนายทุน รุกเขต อช.ลำคลองงู กว่า 500 ไร่ พร้อมติดกล้องส่องสัตว์ป่า เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
วันนี้ (23 ก.ย.) นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ดำเนินการปราบปรามนายทุนผู้บุกรุกป่าอย่างเด็ดขาด และให้นำพื้นที่ของนายทุนที่ยึดคืนมาได้มาฟื้นฟูสภาพป่า หรือสร้างเป็นแหล่งน้ำ แหล่งอาหารสัตว์ป่าต่อไปนั้น
ล่าสุด ช่วงเช้าที่ผ่านมา ตน พร้อมด้วย นางคณิสรา เชฐบัณฑิตย์ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ นายกมลาศ อิสสอาด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู นายเจริญ ใจชน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ นายศรัณย์วุฒิ พรสรายุทธ หัวหน้าหน่วยป้องกันฯ ที่ กจ.6 (พุเตย) และหน่วยฯ กจ.18 (วังเกียง) และนายสถาพร ทองผาภูมิปฐวี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ รวมทั้งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงู และเจ้าหน้าที่ สปป.1 (ภาคกลาง)
ได้ร่วมกันเปิดป้ายสัญลักษณ์ที่สร้างเป็นปูนอย่างถาวรที่ชื่อว่า "ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ และสัตว์ป่า ตำบลชะแล" ในเขตอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ท้องที่บ้านคลิตี้ หมู่ 4 ต.ชะแล ที่ได้ยึดคืนมาจากทายาทนายทุน เมื่อกลางเดือน มิ.ย.64 ที่ผ่านมา จำนวน 592-2-58 ไร่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่า พื้นที่ดังกล่าวนั้นไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของทายาทนายทุนแล้ว แต่ตกมาเป็นสมบัติของแผ่นดิน ของคนไทยทุกคน
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกันทดลองปลูกพืชอาหารสัตว์ป่า บนเนื้อที่ 10 ไร่ โดยใช้หญ้าเนเปียร์ ซึ่งสามารถเติบโตได้เร็ว มีคุณค่าทางอาหารสูง สัตว์ป่ากินได้ตลอดปี โดยหญ้าเนเปียร์ มีอายุยาวนาน 5-7 ปี โดยกิ่งพันธุ์หญ้าเนเปียร์ที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงูได้นำมาปลูกนั้นได้รับการสนับสนุนมาจากหมอหนุ่ย นายสุรพงศ์ ปิยะโชติ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี
อีกทั้งยังได้ร่วมกันติดตั้งกล้องดักถ่ายภาพสัตว์ป่าอัตโนมัติในบริเวณดังกล่าว เพื่อทดลองจับภาพสัตว์ป่าดูว่าจะมีสัตว์ป่าออกมาหากินมากน้อยเพียงใด เพื่อนำมาวางแผนการสร้างแหล่งน้ำ แหล่งอาหารสัตว์ป่า สร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์เพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในท้องถิ่นต่อไป