ประจวบคีรีขันธ์ - นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันตก อดีตนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวประจวบฯ ชี้ทำไมเปิดแค่ 2 ตำบลหัวหิน ควรเปิดทั้งจังหวัดเชื่อมโยง เพราะมีศักยภาพ อยากเห็นการทำตลาดคนไทยมากกว่าที่จะตั้งเป้าตลาดต่างประเทศเป็นหลัก และเน้นควรยึดหลักการเปิดต้องเกิดประโยชน์แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทุกระดับ
วันนี้ (7 ก.ย.) นายอุมดมสุข นิ่มเซียน อดีตนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบฯ ผู้บริหารกันตา รีอสร์ตหัวหิน กล่าวว่าโครงการนำร่องหัวหิน รีชาร์จ คือต้องการให้สามารถควบคุมนักท่องเที่ยวให้อยู่ในกรอบได้ในสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่ไม่เหมือนกับภูเก็ตซึ่งเป็นเกาะสามารถควบคุมได้ง่ายหากนักท่องเที่ยวมา โดยเฉพาะต่างประเทศ
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นจังหวัดที่ยาว มีเขตอำเภอเชื่อมต่อกัน ซึ่งการเดินทางสามารถไปมาหาสู่ได้สะดวกทั้งแนวราบและแนวดิ่ง และมีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางวัฒนธรรมวัดวาอารามที่ขึ้นชื่อ ท่องเที่ยวเชิงเกษตร น้ำตกภูเขา เชิงวิถีชุมชนเที่ยวได้ทั้งทางบกทางน้ำ ซึ่งแต่ละอำเภอมีความแตกต่างไม่เหมือนกัน เที่ยวทั้งเดือนก็ไม่จบ เพราะประจวบฯ นั้นยาวมาก ฉะนั้นหากจะเปิดการท่องเที่ยวน่าจะเปิดทั้งจังหวัด เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวมิใช่ได้จากอำเภอหัวหินอำเภอเดียว ที่สำคัญหากนักท่องเที่ยวมาเขาคงไม่เลือกอำเภอหัวหินอย่างเดียว รวมทั้งหากมีนักท่องเที่ยวติดเชื้อเข้ามาเชื้อโควิด-19 คงไม่เลือกติด ณ อำเภอใดอำเภอหนึ่ง คงจะติดกันทั้งหมด
อดีตนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดประจวบฯ กล่าวอีกว่า เหมือนกับมาตรฐาน SHA ทำไมไม่ปูพรมตั้งแต่ร้านอาหารแผงลอยหาบเร่ ร้านอาหารเล็ก ร้านอาหารใหญ่ ร้านขายของที่ระลึก โรงแรมเล็ก โรงแรมใหญ่น่าจะทำให้หมด เพราะบางกิจการเป็นชาวบ้านหรือผู้ที่เข้าไม่ถึงไไม่สามารถเข้ารับการรับรองมาตรฐานนี้ได้ ซึ่งวัตถุประสงค์ตนเองมองว่าไม่น่าจะใช้เพื่อถ่ายรูปดูเท่ๆ แต่จริงๆ คือรับรองว่ามีมาตรฐานและปลอดภัยในการดูแลควบคุมป้องกันมากกว่า ตรงนี้ต้องฝากท่านผู้นำทั้งหลายด้วย “เชื้อโควิด-19 ไม่ได้เลือกติดเฉพาะที่ใดที่หนึ่ง เชื้อโควิด-19 ไม่เคยเลือกใคร ไม่เคยเลือกสถานที่ ไม่ใช่มีป้ายมาตรฐาน SHA แล้วจะไม่ติด”
อีกอย่างเราไม่น่าจะต้องไปเลียนแบบของที่อื่นหรือจังหวัดอื่นๆ เราสามารถปูพรมคิดเองทำเองได้ทั้งจังหวัด
ด้านนายวสันต์ กิตติกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันตก ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์-เพชรบุรี กล่าวว่า การประกาศเปิดเมืองหัวหิน รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือ ”หัวหินรีชาร์จ” ตามนโยบายของรัฐบาลในเฟส 2 นั้นเป็นสิ่งที่ดีที่รัฐบาลเล็งเห็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เพราะได้รับผลกระทบอย่างหนักเกือบ 2 ปี แต่อยากสะท้อนว่าการเปิดเมืองหัวหินรับต่างชาติในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ และคาดการณ์รายได้ 1,200 ล้านบาท ดูจะเป็นตัวเลขที่ไม่น่าเป็นไปได้
ควรหันมาให้ความสำคัญกับตลาดคนไทยมากกว่า อย่าลืมไปว่าควรต้องเชื่อมโยงพื้นที่ หัวหิน ปราณบุรี สามร้อยยอด กุยบุรี อำเภอเมือง ลงไปถึง อ.บางสะพานน้อย ทุกพื้นที่มีผู้ประกอบการท่องเที่ยวทุกอำเภอ และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่ผ่านมาผู้ประกอบการทุกแห่งได้รับผลกระทบทั้งหมด โรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร ร้านนวดแผนโบราณ สปา ตลาดที่มีชื่อเสียงอย่างตลาดโต้รุ่งหัวหิน และธุรกิจที่เกี่ยวข้องท่องเที่ยวในพื้นที่ ต้องอย่าลืมว่าโรงแรม รีสอร์ต ตลอดจนธุรกิจท่องเที่ยวระดับล่างหรือ SME ด้วย อย่ามองเพียงโรงแรมใหญ่เท่านั้น วันนี้บอกว่าพนักงานโรงแรม ผู้ประกอบท่องเที่ยว ร้านขายของ ร้านอาหาร ส่วนหนึ่งยังได้รับวัคซีนไม่ครบ 2 เข็มก็มี ถึงแม้จะมีการยืนยันว่าจะเกิน 70 เปอร์เซนต์แน่ๆ ก่อนการเปิดก็ตาม
สิ่งสำคัญตลาดประเทศที่จะบินมาเพื่อมาท่องเที่ยวที่หัวหิน ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ และมีบริษัททัวร์ไปรับหรือรถโรงแรมที่หัวหินไปรับเข้าพักโรงแรมตามที่มีการกำหนด ส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรมใหญ่ 5 ดาว ได้มาตรฐาน SHA ส่วนธุรกิจโรงแรม รีสอร์ตขนาดเล็ก และผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวต่อเนื่องจะได้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้หรือไม่ แต่หากเปิดตลาดคนไทย มั่นใจว่าผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายเล็ก หรือ SME จะลืมตาปากได้
หากวันที่ 1 ต.ค.จะเปิด ”ท่องเที่ยวเมืองชะอำ” ต้อนรับตลาดคนไทยและตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศเสริม ซึ่งมาตรการต่างๆ ผู้ประกอบการโรงแรมในอำเภอชะอำ และภาคธุรกิจท่องเที่ยวอื่นๆ คงมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องการป้องกันเรื่องของโควิด-19 หากไม่มีคลัสเตอร์เกิดขึ้นเหมือนอำเภอหัวหิน ช่วงนี้สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากการติดตามข้อมูลหัวหิน และอำเภออื่นๆ ยังมีคลัสเตอร์การแพร่ระบาดต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังอยากเห็นมิใช่การเปิดเพียง 2 ตำบลของเมืองหัวหิน ควรจะเปิดทุกอำเภอ และทำตลาดคนไทยน่าจะได้ประโยชน์ อยากให้ศึกษาจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่เดือดร้อนทั้งใหญ่เล็กได้รับประโยชน์สูงสุด
ด้านนายศิราสิทธิ์ เติมพงศ์ธานิน ผู้จัดการโรงแรมซิตี้บีช รีสอร์ต หัวหิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาโรงแรมได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 ต่อเนื่องมาถึงปี 64 ต้องปิดชั่วคราว มีห้องพักอยู่ 163 ห้อง เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวเพราะนักท่องเที่ยวเข้าพักน้อย ค่าใช้จ่ายสูงจึงต้องประหยัด ตอนนี้ปิดมาตั้งแต่เมษายน-กันยายน มีการลดพนักงานลง ซึ่งจะเริ่มเปิดรับรักท่องเที่ยวในเดือนตุลาคม ล่าสุด เริ่มเปิดรับจองแล้วส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าคนไทย ซึ่งขายในราคาคืนละ 800 บาทไม่รวมอาหารเช้า มีการจองผ่านเอเยนซี ลูกค้าที่จะต้องปฏิบัติการตามมาตรการของสาธารณสุข ส่วนลูกค้าต่างชาติคงจะเป็นปีหน้า แต่ไม่รู้ว่าเมื่อถึงช่วงนั้นจะเข้ามาได้หรือไม่
โดยลูกค้าต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่าที่มาพักที่โรงแรม 2-3 ห้อง แต่มาอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ยอมรับการเปิดท่องเที่ยวหัวหิน รับต่างชาติไม่ได้มีผลอะไรกับโรงแรมระดับล่างมากนัก น่าจะมีผลกับโรงแรม 5 ดาวมากกว่า ซึ่งโรงแรมเหล่านั้นมีตลาดอยู่ในมือ และส่วนใหญ่อยู่ติดทะเล มีการจัดแพกเกจและเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ส่วนในทางปฏิบัติจะทำได้มากน้อยขนาดไหนก็ว่ากันอีกเรื่อง ซึ่งส่วนตัวยังอยากเห็นการเปิดในภาพรวมของทั้งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไม่ใช่เพียง 2 ตำบล
ในขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ในช่วงนี้ยังมีคลัสเตอร์เกิดขึ้นในจังหวัด ยังไม่แน่ใจว่าจะนิ่งหรืออาจจะเกิดคลัสเตอร์ใหม่ๆ ขึ้นมาอีกในช่วงนั้น แล้วจะทำอย่างไร ถือเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะต้องสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามา