กาญจนบุรี - รวบหนุ่มนครสวรรค์ขณะลอบตัดไม้ในเขต อช.เอราวัณกลางดึก พร้อมไล่ล่าแก๊งมอดไม้ผู้ร่วมขบวนการอีก 5 ราย ได้ที่บริเวณป่าชายน้ำบ้านน้ำโจน ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
วันนี้ (5 ก.ย.) นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ถึงแม้ พ.ร.บ.อุทยานฯฉบับใหม่ พ.ศ.2562 จะมีบทลงโทษที่รุนแรง แต่ก็มีกลุ่มคนที่เห็นแก่ตัวลักลอบเข้ามาตัดไม้ทำลายป่าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย โดยเมื่อวันที่ 3 ก.ย.64 ที่ผ่านมา นายพีรวัฒิ สิโรตฆ์พิพัฒ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ พร้อมด้วยนายวรุณ จันทร์สว่าง ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ อว.1 (ถ้ำพระธาตุ) และเจ้าหน้าที่สายตรวจส่วนกลาง ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายอาทิตย์ สมพงษ์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15/1 หมู่ 2 ต.ยางขาว อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ได้ที่ป่าชายน้ำบ้านน้ำโจน ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี พิกัดที่ 0509743 E 1593846 N (WGS 1984)
พร้อมของกลาง 9 รายการ ประกอบด้วย 1.ไม้ประดู่ จำนวน 3 ท่อน ปริมาตรรวมกัน 1.32 ลูกบาศก์เมตร 2.เลื่อยโซ่ยนต์ จำนวน 1 เครื่อง 3.โซ่สำรอง ขนาด 36 นิ้ว จำนวน 2 เส้น 4.น้ำมันเบนซิน จำนวน 1 แกลลอน 5.น้ำมันหล่อโซ่ จำนวน 1 แกลลอน 6.กระเป๋าเครื่องมือบรรจุอุปกรณ์ประเภทไขควง ตะไบ บล็อกหัวเทียน ประแจหกเหลี่ยม คีมปากจิ้งจก ตลับเมตร ค้อน ประแจเบอร์ 17 จำนวน 1 ใบ 7.ไฟฉายคาดหัว จำนวน 1 อัน 8.ย่ามสะพายข้างสีเหลือง จำนวน 1 ผืน และ 9.ผ้าใบ จำนวน 1 ผืน โดยนายอาทิตย์ ผู้ต้องหาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในช่วงเวลาประมาณ 23.00 น.ของวันที่ 3 ก.ย.64
ที่สำคัญหลังจากนายอาทิตย์ ถูกจับกุม ได้ซัดทอดถึงผู้ร่วมขบวนการและผู้จ้างวานที่อาศัยความมืดหลบหนีไปได้ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปถึง ประกอบด้วย นายสุทัน ไวยิ่งยุทธ นายอำพล ไวยิ่งยุทธ นายสุพัตรา สาดมาลัย นายสุรีรัตน์ สาดมาลัย และนายไมค์ ไม่ทราบชื่อ และนามสกุลจริง ทั้งหมดเป็นชาว อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายอาทิตย์ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้ต้องหาอีก จำนวน 5 ราย ที่อยู่ระหว่างการหลบหนี เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ ในการเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ ฉบับใหม่ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (2) ฐาน “ร่วมกันเก็บหา นำออกไป ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพ ซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย แร่ ปิโตรเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่นหรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลายหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสน บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 19 (6) ฐาน “ร่วมกันเข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 20 ฐานบุคคลซึ่งเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งได้สั่งให้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด ระวางโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
กระทำผิด พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 มาตรา 4 และมาตรา 17 ฐาน “มีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์” มาตรา 7 และมาตรา 20 ฐาน “ไม่มีใบอนุญาตหรือสำเนาภาพถ่ายสำหรับเลื่อยโซ่ยนต์เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ทันที” ระวางโทษปรับไม่เกิน 2 พันบาท และกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 และฉบับที่แก้ไข มาตรา 11 ฐาน "ทำไม้ประดู่ห้วงห้ามโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่" ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ