กำแพงเพชร – เพื่อนร่วมงานหอบหลักฐานแจ้งจับ สาว สสจ.คนยักยอกเงินเสี่ยงภัยโควิดกำแพงเพชรกว่า 12 ล้าน หลอกเซ็นมอบอำนาจอ้างจะยื่นรังวัดแบ่งโฉนดขายที่ให้ สุดท้ายแอบเขียนสัญญาปลอมขายฝาก อีกเดือนเดียวโดนยึด ต้องรีบซื้อคืน
บ่ายวันนี้(3 ก.ย.64) นางรมณีย์ ศิริไพบูลย์ อายุ 55 ปี อยู่บ้าน 134 ถนนราชดำเนิน 1 ต.ในเมือง อ.เมืองกำแพงเพชร ซึ่งรับราชการอยู่ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.หญิง วรดา ชูหน้า พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร ให้ดำเนินคดีกับนางสาววิสาร์ คูณสิน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ สสจ.เช่นกัน
นางรมณีย์ กล่าวว่า เมื่อประมาณวันที่ 27 กันยายน 2563 ตนได้ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจที่ยังไม่ได้กรอกข้อความใดๆ พร้อมกับมอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านของตนเอง และโฉนดที่ดินตัวจริง เพื่อให้นางสาววิสาร์ คูณสิน ไปดำเนินการรังวัดแบ่งแยกที่ดินตามโฉนด เพื่อขาย
กระทั่ง 28 กรกฎาคม 2564 ทราบว่านางสาววิสาร์ คูณสิน ถูกตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องการยักยอกเงินค่าเสี่ยงภัยโควิดและอื่นๆของ สสจ.กำแพงเพชร ประกอบกับนางสาววิสาร์ ยังไม่ได้คืนโฉนดที่ดินที่ตนเคยมอบไว้ให้เป็นเวลานานแล้ว ทำให้เกิดความสงสัยจึงได้ไปขอตรวจสอบโฉนดที่ดินกับสำนักงานที่ดินจังหวัดกำแพงเพชร
กระทั่งพบว่า มีการกรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจไม่ตรงกับที่ตนประสงค์ให้ดำเนินการ โดยมีการนำหนังสือมอบอำนาจไปใช้ในการนำโฉนดที่ดินของตนไปทำสัญญาขายฝากไว้กับบุคคลหนึ่ง มีกำหนดไถ่ถอนภายใน 1 ปี เป็นจำนวนเงิน 350,000 บาท เมื่อตนทราบดังนั้นแล้ว จึงได้ติดต่อไปหาผู้ที่รับขายฝาก เพื่อจะขอไถ่ถอน โดยผู้รับขายฝากยินยอมตกลงขายคืนให้ในราคาเดิมที่รับไว้จากนางวิสาร์
นางรมณีย์ กล่าวต่อว่าจากนั้นวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 ตนจึงได้ไปถอนเงินของตัวเองจากธนาคารจำนวน 400,000 บาท และนำไปมอบให้กับผู้ที่รับขายฝากที่ดินไว้ 350,000 บาท ตามสัญญาขายฝาก ก่อนจะมีการเซ็นไถ่ถอนสัญญาขายฝาก และไปดำเนินการขอไถ่ถอนที่สำนักงานที่ดิน
นอกจากจะหลอกให้เซ็นเอกสารมอบอำนาจแล้ว นางสาววิสาร์ยังหลอกยืมเงินตนไปอีก 200,000 บาท โดยหลอกว่าจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมต่างๆอีกด้วย จากนี้ตนจะขอดำเนินคดีตามกฎหมายกับนางสาววิสาร์ คูณสิน จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ทั้งนี้พนักงานสอบสวน ได้ตรวจสอบหลักฐานและทำการสอบสวนผู้เสียหายในเบื้องต้นแล้ว ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนางสาววิสาร์ คูณสิน ในข้อหา “ปลอมและใช้เอกสารปลอม,แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานเพื่อให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ”