xs
xsm
sm
md
lg

เจอกดดันหนัก! ตำรวจ ตม.สุรินทร์ถูกอมเบี้ยเลี้ยงวอนผู้ใหญ่มาดูแล ด้าน “ตม.4” เต้นสอบ ลั่นผิดเชือดเด็ดขาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สุรินทร์ - ตำรวจ ตม.สุรินทร์ 14 นายถูกอมเบี้ยเลี้ยงเผยถูกกดดันหนัก หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรมวอนผู้บังคับบัญชาระดับสูงเข้ามาดูแล ด้าน “ตม. 4” เต้นแจงเป็นการเบิกจ่ายเงินเดินทางไปราชการสืบสวนปราบปรามไม่ใช่เบี้ยเลี้ยงโควิด พร้อมสอบข้อเท็จจริงรู้ผลใน 7 วัน หากทำผิดจริงจะดำเนินการทั้งอาญาและวินัยต่อผู้เกี่ยวข้องทุกนายอย่างเด็ดขาด

วันนี้ (3 ก.ย.) ความคืบหน้าจากกรณีผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จังหวัดสุรินทร์ ระดับชั้นผู้น้อยนายหนึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิง และที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พร้อมนำเอกสารรายชื่อของเจ้าหน้าที่ ตม.สุรินทร์ จำนวน 14 นาย ที่ถูกอดีตผู้บังคับบัญชาอมเบี้ยเลี้ยง รวมจำนวน 128,800 บาท โดยระบุว่า เมื่อช่วงราวเดือนกันยายน 2563 ซึ่งเป็นช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้รับคำสั่งให้มีการจัดชุดสืบ หรือชุดตรวจออกปฏิบัติหน้าที่ ชุดละ 14 นาย ภายหลังจากนั้นได้มีการโอนเงินเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงเข้ามายังบัญชีธนาคารของแต่ละคน จากนั้นไม่นานได้มีนายตำรวจ อดีตผู้บังคับบัญชานายหนึ่งไลน์เข้ามาหาแต่ละคนให้โอนเงินทั้งหมดที่ได้รับมาเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย ของนายตำรวจระดับสารวัตรนายหนึ่งซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาในขณะนั้นและปัจจุบันย้ายออกนอกพื้นที่ไปแล้ว ต่อมา พ.ต.ท.ฐิติวันจ์ อาจน์ธรรม รอง ผกก.ตม.จว.สุรินทร์ ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงเมื่อเดือ นก.ย. 2563 และล่าสุดทางกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 (ตม.4) จะส่งเจ้าหน้าที่มาสืบข้อเท็จจริงในวันที่ 2 ก.ย. ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น


ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จ.สุรินทร์ที่มีรายชื่อในกลุ่มที่ถูกอมเบี้ยเลี้ยงแจ้งต่อผู้สื่อข่าวว่า ในช่วงวันที่ 2 ก.ย.ได้มีเจ้าหน้าที่ ตม.สุรินทร์ 2 นายเรียกให้เจ้าหน้าที่กลุ่มที่มีรายชื่อถูกอมเบี้ยเลี้ยงเข้าไปเซ็นเอกสารคนละ 1 ใบ ซึ่งไม่ทราบในรายละเอียดมากนัก แต่ละคนได้เซ็นกันไปทั้งหมดและพากันหวั่นว่า จะเป็นการช่วยเหลือกันเองสำหรับผู้ทำผิด และตำรวจชั้นผู้น้อยก็เดือดร้อนกันต่อไป

จึงอยากเรียกร้องให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงมาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง และให้ความเป็นธรรมต่อตำรวจชั้นผู้น้อย ซึ่งการเรียกรับเงินไปแล้วจะบอกว่าได้ตกลงคืนเงินแล้วเรื่องจบมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง อยากให้มีการตรวจสอบหลักฐานการโอนเงินจากบัญชีหนึ่งไปยังอีกบัญชีหนึ่ง หรือตรวจสอบใบฎีกาเบิกของตำรวจชั้นผู้น้อยแต่ละนายความจริงก็จะปรากฏ


อยากให้ตรวจสอบกันอย่างจริงจัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ ตม.สุรินทร์ที่ปฏิบัติงานในชุดสืบมี 2 ชุด ชุดละ 14 นาย รวม 28 นาย เป็นเงินเบี้ยเลี้ยงในการทำงานชุดสืบในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เงินที่จ่ายเป็นเบี้ยเลี้ยง เมื่อโอนมาให้เจ้าหน้าที่แล้วให้โอนกลับทุกบาท หากเรื่องนี้จบลงด้วยการที่ตำรวจชั้นผู้น้อยต้องยอมรับสภาพตามที่กดดันกัน ก็อยากเรียกร้องผู้บังคับบัญชาระดับสูง ตรวจสอบ ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกนายด้วย

ในขณะที่สำนักงานกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 เลขที่ 239 หมู่ 3 ตำบลสำราญ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ได้มีการออกเอกสารข่าวประชาสัมพันธ์ถึงสื่อมวลชน ระบุว่า ประเด็นข่าวกรณีตำรวจชั้นผู้น้อย ตม.สุรินทร์ 14 นาย ร้องเรียนผู้บังคับบัญชาอมเบี้ยเลี้ยง ตามที่ปรากฏตามสื่อออนไลน์ เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 64 กรณีตำรวจชั้นผู้น้อย ตม.สุรินทร์ 14 นายร้องสื่อถูกผู้บังคับบัญชาอมเบี้ยเลี้ยงปฏิบัติงานป้องกันการระบาดโรคโควิด-19 เกลี้ยง รวมกว่า 1.2 แสน แฉสั่งทุกนายให้โอนเงินคืนกลับเข้าบัญชีธนาคารของนายตำรวจระดับสารวัตรนายหนึ่ง ช่วงนั้นไม่มีใครกล้าพูด กลัวถูกเล่นงานนั้น บก.ตม.4 สตม.ขอรายงานข้อเท็จจริงดังนี้


1. การเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงที่ปรากฏในแชตการสนทนาตามข่าวเป็นภาพตารางการโอนเงินเข้าบัญชีของเจ้าหน้าที่ ตม.จว.สุรินทร์ จริง แต่เป็นการเบิกจ่ายเงินสำหรับการเดินทางไปราชการสืบสวนปราบปรามในพื้นที่รับผิดชอบ โดยเป็นงบค่าธรรมเนียมเสริมงบประมาณ พ.ศ. 2563 ซึ่งมีการเบิกจ่ายในช่วงเดือนกันยายน 2563 ไม่ใช่งบประมาณค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงาน (เบี้ยเลี้ยงโควิด-19) ตามที่ปรากฏเป็นข่าว

2. การเบิกจ่ายเงินงบประมาณสำหรับการเดินทางไปราชการเพื่อการสืบสวนปราบปรามของ ตม.จว.สุรินทร์ ของทั้ง 2 ชุดปฏิบัติการ มีกำลังพลชุดละ 14 นาย รวม 28 นาย ซึ่งทุกนายได้รับเงินเข้าบัญชีเจ้าหน้าที่โดยตรง ตามระเบียบของทางราชการครบถ้วนตามที่มีการขอเบิกจ่ายจริงเรียบร้อยแล้ว

3. บก.ตม.4 ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง (30 ราย) เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริง และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ทั้งนี้ หากพบว่ามีมูลกระทำผิดจริงจะดำเนินการทางอาญาและทางวินัยต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทุกนายอย่างเด็ดขาด แล้วรายงานผลให้ทราบภายใน 7 วัน










กำลังโหลดความคิดเห็น