กาฬสินธุ์ - หนุ่มวัย 41 ปี ชาวตำบลบัวบาน นักล่าต่อหัวเสือมาโชกโชนกว่า 400 รัง อาศัยประสบการณ์และภูมิปัญญาเลี้ยงต่อหัวเสือไว้บนต้นไม้ข้างบ้านรวมแล้วกว่า 40 รัง เพื่อขายตัวอ่อนให้ผู้ที่ชื่นชอบเมนูแปลกทำอาหาร ได้ราคาสูงกิโลกรัมละ 1,000 บาท
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีชาวบ้านตูม หมู่ 4 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นำต่อหัวเสือมาเลี้ยงแบบธรรมชาติ โดยทำรังบนต้นมะขามข้างบ้าน โดยต่อหัวเสือที่เลี้ยงไว้บินว่อนไปมาตลอดวัน อยู่ร่วมกับคนโดยไม่ทำอันตราย ลือกันให้แซ่ดว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัว และมีเพียงคนเดียวในเขตตำบลนี้ที่เลี้ยงต่อหัวเสือได้โดยไม่ได้รับอันตราย ซึ่งต่อหัวเสือได้ชื่อว่ามีความดุร้าย หากใครถูกต่อยต้องได้รับความเจ็บปวดทรมาน บางคนถึงกับช็อก หรือหากถูกรุมต่อยหลายตัวอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พบบ้านหลังดังกล่าวปลูกอยู่บริเวณบ่อกุ้งก้ามกราม เลขที่ 301 หมู่ 4 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พบนายวาจา ภูนาสอน อายุ 41 ปี เจ้าของบ้าน โดยนายวาจาเล่าว่า ตนเป็นคนเลี้ยงต่อหัวเสือจริง เดิมมีอยู่ 40 รัง ได้ขายไป ปัจจุบันเหลืออยู่ 4 รัง ซึ่งทำรังอยู่บนจั่วโรงเรือนเก็บอาหารกุ้ง 1 รัง และทำรังอยู่บนต้นมะขามข้างบ้าน 3 รัง 2 รังอยู่บนคาคบสูงจากพื้นดินประมาณ 2 เมตร ขณะที่อีกรังอยู่บนยอดมะขาม สูงจากพื้นดินประมาณ 20 เมตร
นายวาจาบอกว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตนเคยล่าต่อหัวเสือเพื่อนำตัวอ่อนมาทำเป็นอาหาร และแบ่งขายให้เพื่อนบ้านมาแล้วประมาณ 400 รัง โดยใช้ภูมิปัญญาในการไปเอารังต่อเพื่อแกะเอาตัวอ่อนที่อยู่ในรังไปเป็นอาหาร พอระยะหลังต่อหัวเสือหายากเนื่องจากระบบนิเวศเปลี่ยนไป จึงเกิดไอเดียหารังต่อหัวเสือมาเลี้ยงได้ประมาณ 4 ปี รวมแล้วประมาณ 40 รัง ขายไปหมดแล้ว ปัจจุบันเหลือ 4 รัง ทั้งนี้ ตัวอ่อนของต่อหัวเสือนั้นขึ้นชื่อว่าอร่อยมาก ให้ไขมัน และโปรตีนสูง ทำได้หลายเมนู
เช่น แกงอ่อม หมก ทอด พล่า และก้อย ถือเป็นของหายาก จึงมีราคาแพง คนที่หารังต่อต้องมีความชำนาญจริงๆ หากไม่มีทักษะ พลาดพลั้งไปอาจจะถูกต่อหัวเสือรุมต่อยได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตได้
นายวาจาบอกอีกว่า การหารังต่อมาเลี้ยงนั้นต้องสังเกตดูตัวต่อที่บินมาหาอาหาร หากมันบินวนไปวนมา แสดงว่ามันยังไม่ได้อาหาร แต่ถ้าเห็นตัวต่อบินไปในแนวตรงก็หมายความว่ามันได้อาหารแล้ว มันจะบินตรงกลับไปรังของมัน ก็ให้วิ่งตามต่อตัวนั้นแบบไม่ให้คลาดสายตา ก็จะพบรังต่อจริงๆ ซึ่งวิธีนี้ใช้ได้ผล
ส่วนวิธีการเอารังต่อมาเลี้ยงนั้น เพื่อความปลอดภัยต้องใช้ช่วงเวลาค่ำมืด คือต้องมั่นใจว่าต่อที่มันบินออกจากรังไปหาอาหารช่วงกลางวันนั้นบินกลับเข้ารังแล้วทุกตัว สำหรับอุปกรณ์มีเพียงสำลีหรือเศษผ้าขนหนูชุบน้ำมันเบนซิน พร้อมมีดพร้า หรือเลื่อยมือ เพื่อตัดกิ่งไม้ที่ต่อทำรังอยู่ลงมา
สำหรับต่อหัวเสือจะบินกลับเข้ารังก่อนสิ้นแสงดวงอาทิตย์ รังต่อจะมีรูหรือประตูเข้าออกเพียงช่องเดียว เมื่อเรามั่นใจว่าต่อรังที่เราจะเอาไปเลี้ยงเข้ารังหมดทุกตัวแล้ว ก็เอาสำลีหรือเศษผ้าขนหนูชุบน้ำมันเบนซินที่เตรียมไว้อุดรู กลิ่นเหม็นของน้ำมันจะระเหยเข้าไปในภายในรังต่อ และทำลายระบบประสาทของต่อทุกตัวที่อยู่ในรังให้หมดสติ
จากนั้นก็จะใช้มีดหรือเลื่อยมือตัดกิ่งไม้ที่ต่อทำรังอยู่เป็นคอน หรือให้เหลือส่วนที่เป็นกิ่งไม้ด้วย จากนั้นห่อด้วยถุงผ้าป้องกันรังต่อเสียหาย แล้วนำรังต่อมาแขวนไว้ในที่ที่ต้องการ
“เหมือนย้ายบ้านให้ต่อจากที่อื่นมาอยู่ที่แห่งใหม่ที่เราเลือกให้ อย่างที่ตนย้ายรังต่อจากที่เดิมบนต้นไม้ในป่า หรือจากหัวไร่ปลายนา มาอยู่บนต้นมะขามข้างบ้าน แต่ที่ต้องระวังคืออุปกรณ์ที่ยึดกิ่งไม้หรือคอนรังต่อเดิมกับกิ่งใหม่จะต้องใช้ลวดเท่านั้น หากใช้เชือกหรือวัสดุอย่างอื่นจะไม่คงทน และอาจจะถูกต่อกัดผุพังทำให้รังต่อร่วงลงมาได้” นายวาจากล่าว และว่า
รังต่อที่ย้ายมาจากต้นไม้ในป่าจะโตขึ้นเรื่อยๆ เพราะต่อยังออกหากินเช่นเดิม จากตอนแรกที่นำมามีขนาดเท่าลูกมะพร้าว ก็จะขยายใหญ่ขึ้น บางรังเท่าวงล้อรถยนต์ ในระยะ 4 เดือนที่นำมาเลี้ยง ซึ่งเป็นห้วงอายุของต่อหัวเสือ มันจะให้ลูกอ่อนอย่างน้อยรังละ 1 กิโลกรัม หรืออย่างมากถึง 4 กิโลกรัม ตามขนาดของรังต่อ ซึ่งจะขายตัวอ่อนขีดละ 100 บาทหรือกิโลกรัมละ 1,000 บาท สร้างรายได้และเป็นอาชีพเสริมให้ตนและเลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี ขณะนี้ก็มีเพื่อนบ้านมาสั่งจองไว้หลายคน ทั้งนี้ ประมาณช่วงออกพรรษาถึงจะครบอายุเก็บตัวอ่อนต่อหัวเสือมาเป็นอาหารได้
ทั้งนี้ จากที่นำรังต่อหัวเสือมาเลี้ยง 4 ปี รวมประมาณ 40 รัง คนในครอบครัวคือพ่อถูกต่อต่อยเพียง 1 ครั้ง น้องชายถูกต่อย 1 ครั้งเท่านั้น แต่ก็ถือเป็นความโชคดีที่ไม่เกิดอาการแพ้หรือเจ็บปวดรุนแรง ทุกวันนี้ถือเป็นเรื่องปกติ รู้สึกเฉยๆ เหมือนต่อเป็นสมาชิกในครัวเรือนเดียวกัน ที่สำคัญต่างคนต่างอยู่ หากเราไม่ไปทำร้ายมัน มันก็จะไม่ทำร้ายเรา
