พิษณุโลก - ตำรวจทางหลวงพิษณุโลกเร่งล่า..แก๊งบิ๊กสกูตเตอร์ซิ่งย้อนศรหนีด่านฯ-ข้ามเลน หน่วยทรัพย์ไพรวัลย์ส่ง “รถฉลามบก” ไล่กวด แต่หวั่นคนสัญจรเป็นอันตราย หันเปิดวงจรปิดรวบรวมหลักฐานรอแจ้ง 3 ข้อหารวด
วันนี้ (22 ส.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก Motocross Magazine ได้แชร์คลิปวิดีโอเหตุการณ์กลุ่มรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กสกูตเตอร์ร่วมๆ 20 คันเร่งความเร็วขับขี่ย้อนศรเพื่อเลี่ยงด่านตรวจของตำรวจทางหลวง บริเวณหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงทรัพย์ไพรวัลย์ บนถนนเส้นพิษณุโลก-หล่มสัก (ฝั่งขาเข้า อ.วังทอง) ต.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นถนน 4 เลน
ซึ่งเป็นการขับขี่ย้อนศรไปอีกเลนแบบไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ทำให้ชาวโซเชียลฯ แสดงความคิดเห็นถึงความไม่เหมาะสม และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับกุมแก๊งซิ่งมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุด พ.ต.ท.ต่อสกุล แสนสุรีย์รังสิกุล สารวัตร ทล.3 กก.5 บก.ทล. (สารวัตรทางหลวงพิษณุโลก) เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ของวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะนั้น ร.ต.อ.กิตติศักดิ์ สินทรัพย์ รอง สว.ส.ทล.3 กก.5 บก.ทล.เป็นหัวหน้าชุด นำตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาอีก 10 นายตั้งด่านกวดขันวินัยจราจร บริเวณหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงทรัพย์ไพรวัลย์ บนถนนเส้นพิษณุโลก-หล่มสัก ต.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
กระทั่งมีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถมอเตอร์ไซค์แบบสกูตเตอร์คันใหญ่มากันเป็นกลุ่มๆ พอใกล้ถึงด่านตรวจคนที่ขับมาคันแรกสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านอยู่ ด้วยความตกใจกลัวจึงเร่งเครื่องหนี โดยขี่ข้ามเลนไปอีกฝั่งหนึ่งอย่างน่าหวาดเสียว ซึ่งเป็นจังหวะที่มีทั้งรถบรรทุก รถยนต์ ขับมาตามเส้นทางปกติ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงต้องนำรถยนต์ทางหลวง (ฉลามบก) ออกติดตาม
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นเส้นทางลงเขาเกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่กลุ่มนักซิ่งที่ถูกกดดันติดตาม จึงต้องประสานตำรวจท้องที่วิทยุสกัดจับเอาไว้ แต่ก็หลบหนีไปได้อย่างหวุดหวิด
หลังเกิดเหตุได้ตรวจสอบเช็กกล้องวงจรปิดและรวบรวมพยานหลักฐาน รวมถึงข้อมูลต่างๆ ซึ่งขณะนี้พอทราบแล้วว่าเป็นกลุ่มวัยรุ่นจากจังหวัดใกล้เคียง รวมกลุ่มกันขี่รถมอเตอร์ไซค์มาท่องเที่ยวในพื้นที่พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ซึ่งจะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งในข้อหาฐานขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากก่อนถึงด่านตรวจได้มีกล้องตรวจจับความเร็วติดตั้งเอาไว้ กลุ่มวัยรุ่นได้ขับขี่เกิน 120 กม./ชม. มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท และข้อหาไม่ขับรถไปตามทิศทางที่กำหนดไว้ตามเครื่องหมายจราจรให้เป็นทางเดินรถเดียว (ขับรถย้อนศร) ฝ่าฝืนในทางที่ห้ามขับ มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 500 บาท และขับรถโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนหรือความปลอดภัยของผู้อื่น ตาม พ.ร.บ.จราจร มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับ 2,000-10,000 บาท