เชียงใหม่ - เปิดใจ “พลอย ชิดจันทร์” ยืนยันช่วยรับซื้อลำไยจากเกษตรกรราคาสูงกว่ารายอื่นกิโลกรัมละ 3 บาทหวังแบ่งเบาความเดือดร้อนชาวสวนหลังเห็นราคาตกต่ำอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน เผยซื้อเฉลี่ยวันละ 300,000 กิโลกรัม รวมแล้วกว่า 8.6 ล้านกิโลกรัมแทบล้นโกดังเก็บ ปัดทำเพื่อสร้างภาพ พร้อมชี้ทางออกระยะยาวต้องมุ่งผลิตลำไยให้ได้คุณภาพมาตรฐานดีเยี่ยม
จากกรณีกระแสฮือฮาในโซเชียลมีเดียที่ “พลอย-ชิดจันทร์ ห่ง” อดีตดาราสาวชื่อดัง และสามี ซึ่งทำธุรกิจลำไยอบแห้งส่งออกต่างประเทศ ช่วยรับซื้อผลผลิตลำไยจากเกษตรกรที่นำมาขายให้ที่โรงงานลำไยอบแห้งที่อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดกิโลกรัมละ 3 บาทเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนลำไยซึ่งเป็นผลไม้เศรษฐกิจสำคัญของภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูนที่กำลังประสบปัญหาราคาตกต่ำอย่างมากจากปัญหาเรื่องคุณภาพและการส่งออกไปประเทศจีน จนส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนหนักเพราะราคาขายที่ไม่คุ้มค่าต้นทุนการผลิตและเก็บเกี่ยว ซึ่งหลายรายถึงขั้นยอมปล่อยให้เน่าเสียหรือทำลายทิ้งแทนการเก็บนำไปขาย
วันนี้ (19 ส.ค.) “พลอย-ชิดจันทร์ ห่ง” เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่ครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับลำไยมานานหลายปีถือว่าในปีนี้ราคาตกต่ำที่สุด ซึ่งตนและสามีรู้สึกเห็นอกเห็นใจเกษตรกรชาวสวนลำไยเป็นอย่างมากเพราะทราบและเข้าใจอย่างดีว่าราคาที่มีการรับซื้อกันทั่วไปนั้นไม่คุ้มต้นทุนการผลิตของเกษตรกร จึงได้ทำการรับซื้อลำไยรูดร่วงจากเกษตรกรชาวสวนลำไยในราคาที่สูงกว่าผู้รับซื้อรายอื่นๆ กิโลกรัมละประมาณ 3 บาท
ที่ผ่านมารับซื้อได้เฉลี่ยวันละประมาณ 300,000 กิโลกรัม และรับซื้อไปรวมแล้วทั้งสิ้นประมาณ 8.6 ล้านกิโลกรัม โดยจนถึงขณะนี้ยังคงเปิดรับซื้ออยู่และจะพยายามช่วยอย่างเต็มที่จนถึงที่สุด แม้ว่าในเวลานี้ลำไยที่รับซื้อไว้จะมีปริมาณมากจนเกินกำลังการผลิตแปรรูปเป็นลำไยอบแห้งในแต่ละวันแล้ว พร้อมยืนยันว่าการรับซื้อในราคาที่สูงกว่านั้นไม่ได้เป็นการสร้างภาพ แต่ต้องการจะช่วยเหลือเกษตรกรที่เดือดร้อนจริงๆ
สำหรับปัญหาราคาลำไยตกต่ำที่เกิดขึ้นนั้น นอกจากปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดในปีนี้มีเป็นจำนวนมากแล้ว ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งมาจากเรื่องคุณภาพผลผลิต โดยเฉพาะการส่งออกไปประเทศจีน ซึ่งช่วงก่อนหน้านี้มีการตรวจพบเกี่ยวกับศัตรูพืชที่ปนเปื้อนในลำไยและมีการตักเตือนแล้วหลายครั้ง ทำให้ประเทศจีนเข้มงวดในการนำเข้าลำไยจากประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดสถานการณ์น่าจะเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นภายหลังจากที่มีการเจรจาและแก้ไขปัญหาแล้ว ทั้งนี้มองว่ามาตรฐานคุณภาพที่เข้มงวดของจีนนั้นถือเป็นเรื่องปกติที่มีมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิด-19 เช่นนี้ ซึ่งสิ่งที่ควรจะร่วมมือกันทำก็คือการผลิตลำไยให้มีคุณภาพดีและได้มาตรฐาน รวมทั้งตรงตามความต้องการของผู้บริโภค เพราะปกติลำไยไทยถือเป็นที่ต้องการและนิยมบริโภคของตลาดจีนอยู่แล้ว โดยหากสามารถทำได้แล้วเชื่อมั่นว่าปัญหาอุปสรรคต่างๆ จะน้อยลงอย่างแน่นอน