xs
xsm
sm
md
lg

ผลสอบชี้ชัด! ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้ภรรยา ผอ.รพ.และสามี หน.ฝ่ายเภสัชฯ ผิดจริง ชงให้ สสจ.โคราชเชือด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นพ.แชมป์ สุทธิศรีศิลป์  ผอ.รพ.เฉลิมพระเกียรติ
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผลสอบข้อเท็จจริงชี้ชัด รพ.เฉลิมพระเกียรติ โคราช จัดสรรฉีดวัคซีนไฟเซอร์บูสเตอร์โดสเข็ม 3 ให้เมีย ผอ.รพ. และสามีหัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรมฯ พร้อมพนักงานร้านขายยา ไม่ใช่บุคลากรการแพทย์ด่านหน้าผิดเงื่อนไขชัดเจน ชงเรื่องให้ สสจ.ตัดสินเชือด

วันนี้ (17 ส.ค.) ความคืบหน้ากรณีมีการแชร์กันในโลกโซเชียลเกี่ยวกับรายชื่อผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) เป็นบูสเตอร์โดส (Booster Dose) เข็ม 3 ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ของโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา ซึ่งพบว่าในจำนวน 144 รายที่ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ มีรายชื่อภรรยาของ นพ.แชมป์ สุทธิศรีศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งทำงานอยู่ในคลินิกเอกชน และสามีของหัวหน้ากลุ่มเภสัชกรรมและคุ้มครองผู้บริโภค โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเปิดกิจการร้านขายยา รวมอยู่ด้วย จนมีการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากกว่าทั้ง 2 คนไม่ได้เป็นบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเหตุใดจึงได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ต่อมา นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นครราชสีมา ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวขึ้น โดยมี นพ.วิชาญ คิดเห็น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานคณะกรรมการฯ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

นพ.วิชาญ คิดเห็น รอง สสจ.นครราชสีมา
ล่าสุดวันนี้ นพ.วิชาญ คิดเห็น รอง สสจ.นครราชสีมา ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กล่าวว่า คณะกรรมการฯ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรียบร้อยแล้ว พบว่ามีการนำวัคซีนไฟเซอร์ไปฉีดให้แก่บุคคลโดยผิดเงื่อนไขจริง ซึ่งมีอยู่ 3 ราย ประกอบด้วย 1. ภรรยาของผู้อำนวยการโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ 2. สามีของหัวหน้ากลุ่มเภสัชกรรมและคุ้มครองผู้บริโภค รพ.เฉลิมพระเกียรติ และ 3.  เป็นพนักงานในร้านขายยาของเภสัชกรดังกล่าว

ทั้งนี้ เบื้องต้นผู้ถูกสอบสวนชี้แจงว่าได้กระทำการโดยเข้าใจว่าเป็นบุคลากรด่านหน้าเช่นกันเพราะลักษณะงานใกล้ชิดเสี่ยงสัมผัสผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากนี้ตนในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงจะได้สรุปผลการสอบสวนและรวบรวมหลักฐานข้อเท็จจริงทั้งหมดส่งให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้วินิจฉัยข้อถูกผิดและพิจารณาตัดสินลงโทษต่อไป


“ข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนอยู่แล้วว่าวัคซีนไฟเวอร์ล็อตนี้ให้จัดสรรให้บุคลากรด่านหน้าจริงๆ ก่อน ซึ่ง 138 รายชื่อที่ รพ.เฉลิมพระเกียรติแจ้งมาตรวจสอบแล้วเป็นบุคลากรด่านหน้าของ รพ.เฉลิมพระเกียรติจริง 135 ราย ส่วนอีก 3 รายชื่อไม่เข้าเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้ จึงถือว่ากระทำผิดเงื่อนไขที่ได้กำหนดเอาไว้” นพ.วิชาญกล่าวในตอนท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น