“เฉลิมชัย” ของขึ้น! จวกยับคนเห้..ขโมยไฟเซอร์ฉีดปล่อยด่านหน้าเสี่ยงตาย

เชียงราย - อาจารย์เฉลิมชัยของขึ้น จวกยับ..คนขโมยวัคซีนไฟเซอร์ฉีดทั้งที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ด่านหน้า ถือว่าเห้..คดโกงบ้านเมือง ไร้จิตสำนึก บอกพอกันได้แล้ว โกงกันจนบ้านเมืองจะไม่เหลืออะไรอยู่แล้ว

วันนี้ (16 ส.ค. 64) อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย ผู้รังสรรค์ศิลปะวัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ได้จัดทำคลิปวิดีโอความยาวประมาณ 2.41 นาที เผยแพร่ไปทั้งทางเฟซบุ๊กชื่อ นรินทร ทามาส ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิด (https://www.facebook.com/715301741/videos/210823534391409/) ตลอดจนเครือข่ายศิลปินในเชียงราย

ในคลิปดังกล่าว อาจารย์เฉลิมชัยได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดเกี่ยวกับการนำวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับบริจาคมาจากสหรัฐอเมริกากว่า 1 ล้านโดสเพื่อฉีดให้บุคลากรด่านหน้า แต่ทางอาจารย์เฉลิมชัยเห็นว่าวัคซีนไปไม่ถึงบุคลากรด่านหน้าดังกล่าว

อาจารย์เฉลิมชัยกล่าวว่า ตนมีอายุมากแล้ว และเดิมคิดว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ แต่ก็ต้องออกมาพูดจนได้เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ยี่ห้อไฟเซอร์ดังกล่าว ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อบุคลากรด่านหน้า เช่น แพทย์ พยาบาล กู้ชีพกู้ภัย คนรับส่งผู้ป่วย สัปเหร่อ พระภิกษุ คนเก็บขยะติดเชื้อ และอื่นๆ อีกมากมาย

แต่ปรากฏว่าคนเหล่านี้กลับไม่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ จึงสงสัยว่านำไปใช้อย่างไร เอาไปให้คนอื่นที่ไม่ใช่ด่านหน้า ทำให้เกิดความเสียหาย คนที่นำไปให้ก็เห้.. คนที่รับไปฉีดโดยที่ตัวเองไม่ใช่ด่านหน้าก็เห้..

อาจารย์เฉลิมชัยกล่าวอีกว่า ตนไม่ได้หมายถึงว่าคนไทยเรามีนิสัยแบบนี้ และไม่ได้อยากพูดว่าเป็นคนไทยทั้งหมด แต่มีคนจำนวนมากที่เป็นแบบนี้ เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้คดโกงบ้านเมือง ลักษณะนี้ถือเป็นการคดโกงบ้านเมือง เมื่อมีคนเอาไปให้กันหรือเอาไปให้ผู้ใหญ่ ญาติพี่น้องของตน ซึ่งถือว่าคนที่รับเหล่านี้ก็แย่และชั่ว จิตสำนึกก็ไม่มี

หากเป็นตน มีคนนำเอาวัคซีนมาให้ก็ไม่ขอรับแม้ว่าต้องตายก็ไม่รับเพราะตนมีสำนึก จึงอยากให้คนไทยมีสำนึก โดยเฉพาะกรณีนี้ต้องนำไปให้บุคลากรด่านหน้า ส่วนคนภายนอกยังไม่ควรฉีดต่อให้เป็นผู้ใหญ่ก็ไม่ควรฉีด ควรมีสำนึก และบ้านเมืองเราไม่เจริญรุ่งเรืองก็เพราะการไม่มีสำนึกอย่างนี้ ควรพอได้แล้วกับการคดโกงบ้านเมืองจนไม่เหลืออะไรแล้ว

วันเดียวกัน สำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงรายรายงานว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในจังหวัดจำนวน 13 ราย ติดเชื้อมาจากต่างจังหวัด 1 ราย และรับมารักษาจากต่างจังหวัด 8 ราย รวมทั้งหมด 22 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสมจำนวน 2,331 ราย หายป่วยแล้ว 1,820 ราย รักษาอยู่ 487 ราย เสียชีวิตสะสม 24 ราย