เชียงใหม่ - เชียงใหม่ประกาศคลัสเตอร์ใหม่งานศพวัดสันป่าข่อยพบผู้ติดเชื้อแล้ว 12 ราย เร่งดำเนินการป้องกันควบคุมโรค ด้านคลัสเตอร์ฟาร์มไข่ไก่หางดงยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 15 ราย สะสมแล้ว 167 ราย ชี้ปัจจัยเสี่ยงการนำเชื้อเข้ามาจากต่างจังหวัดยังคงสูง
วันนี้ (3 ส.ค. 64) ที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แถลงสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ประจำวันว่า เมื่อวานนี้ (2 ส.ค. 64) ได้มีการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มผู้สัมผัสหรือผู้เสี่ยงสูงจำนวน 2,853 ราย พบผู้ติดเชื้อ 54 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.89 ที่เหลือเป็นผู้ที่มีผลการตรวจจากต่างจังหวัด และกลับเข้ารับการรักษาตัวที่ภูมิลำเนา
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นเช่นเดิม คือการนำเชื้อเข้ามาจากต่างจังหวัดมีสัดส่วนที่สูง หลังจากนั้นก็จะเกิดการสัมผัสในครอบครัว ที่ทำงาน และชุมชนตามมา ขณะที่การตรวจเชิงรุกในกลุ่มคนเก็บลำไย อำเภอดอยเต่า อำเภอแม่แตง และอำเภอพร้าว ทั้งหมดไม่พบเชื้อ ส่วนการตรวจคัดกรองกลุ่มที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เมื่อวานนี้มีการตรวจผู้ขับรถบรรทุกที่ด่านสารภีจำนวน 72 ราย พบผู้ติดเชื้อ 1 ราย
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ 66 รายในวันนี้ เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัดจำนวน 40 ราย ซึ่งมาจากคลัสเตอร์ฟาร์มคัดแยกไข่ไก่ อำเภอหางดง 15 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมคลัสเตอร์นี้ 167 ราย คลัสเตอร์รถวิบาก อำเภอเชียงดาว 3 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมคลัสเตอร์นี้ 26 ราย งานศพวัดสันป่าข่อยเพิ่ม 6 ราย นิ่มซี่เส็ง สาขาท่าลี่ อำเภอจอมทองเพิ่ม 1 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมคลัสเตอร์นิ่มซี่เส็ง 22 ราย ตลาดเจดีย์แม่ครัว อำเภอสันทราย 2 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมคลัสเตอร์นี้ 11 ราย สำนักงานที่ดิน อำเภอพร้าว 1 ราย โกดังกะหล่ำปลี อำเภอจอมทอง 3 ราย สัมผัสผู้ติดเชื้อก่อนหน้า 4 ราย และอยู่ระหว่างการสอบสวนโรคอีก 5 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อ 26 รายที่เหลือเป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด โดยมาจากกรุงเทพมหานครมากที่สุด 14 ราย
โดยคลัสเตอร์ใหม่วันนี้ ได้แก่ คลัสเตอร์งานศพวัดสันป่าข่อย ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6 ราย รวมมีผู้ติดเชื้อสะสมแล้ว 12 ราย ซึ่ง CM5744-5749 ทั้ง 5 รายเป็นครอบครัวเดียวกัน อาศัยอยู่ในอำเภอเมืองเชียงใหม่ และอีก 1 ราย CM5755 เป็นผู้ที่เดินทางมาร่วมงานศพ อาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอฝาง อยู่ระหว่างการคัดแยกกลุ่มเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำเพื่อป้องกันควบคุมโรคต่อไป
