xs
xsm
sm
md
lg

ใกล้ความจริง! รื้อ “บ้านสุขาวดี” รุกที่สาธารณะ หลัง จ.ชลบุรีระบุคำสั่งเมืองพัทยาชอบด้วยกฎหมาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




ศูนย์ข่าวศรีราชา - 
ใกล้ความจริง  รื้อ “บ้านสุขาวดี” รุกที่สาธารณะ 11 ไร่ หลังคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จังหวัดชลบุรี ยกอุทธรณ์คำร้อง ระบุคำสั่งเมืองพัทยาชอบด้วยกฎหมาย ขณะกระแสข่าวลือหึ่ง สุขาวดี เตรียมยื่นศาลปกครอง รอบ 2

จากกรณีที่เมืองพัทยา ลงพื้นที่ปิดหมายประกาศยกเลิกคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และทำการปิดหมายประกาศคำสั่งใหม่แบบ ค.3, ค.4, ค.7 และ ค.10 ในอาคาร 3 หลังภายในบ้าน “บ้านสุขาวดี” ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังพบว่าบุกรุกที่สาธารณะและยังมีการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต

รวมทั้งอาคารที่มีการก่อสร้างไม่ได้ระยะตามแนวร่นจากระดับน้ำทะเลในระยะ 20 เมตร ตามประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการดำเนินงานใหม่ในรอบที่ 2 หลังออกประกาศคำสั่งในครั้งแรก บ้านสุขาวดี ในนามของบริษัท เฮลท์ฟู้ดส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด ได้อุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จังหวัดชลบุรี

กระทั่งมีการพิจารณาว่าประกาศคำสั่งเมืองพัทยายังไม่ครบองค์ประกอบ และเหตุผลในการรื้อถอนไม่ครบถ้วนจึงให้มีการดำเนินการออกคำสั่งใหม่นั้น


ล่าสุด วันนี้ (27 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายคริส เชิดสุริยา หัวหน้าฝ่ายควบคุมอาคารว่า จากการประชุมของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้ผลสรุปชัดเจนเป็นมติแล้วเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2564 ว่าให้ยกคำอุทธรณ์ด้วยระบุว่า คำสั่งเมืองพัทยา ชอบด้วยกฎหมาย

โดยหลังจากรับทราบมติดังกล่าวแล้ว เมืองพัทยา จะได้นำหนังสือคำสั่งที่เป็นมติยกคำอุทธรณ์ไปปิดประกาศไว้ที่ “บ้านสุขาวดี” อีกครั้ง ซึ่งตามกฎหมายจะให้ระยะเวลา “บ้านสุขาวดี” เป็นเวลา 30 วันได้ยื่นร้องต่อศาลปกครองสูงสุดอีกครั้งถ้าหากเห็นว่ามติดังกล่าวไม่มีความเป็นธรรม

“แต่หากจากนี้ บ้านสุขาวดีไม่ดำเนินการใดๆ เมืองพัทยา จะตั้งคณะกรรมการเพื่อทำการรื้อถอนต่อไป”

นายคริส ยังกล่าวอีกว่า สำหรับอาคาร A ซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่ก่อสร้างอยู่บนพื้นที่ดินสาธารณะขนาด 11 ไร่ 1 งานนั้น แม้ว่า “บ้านสุขาวดี” จะแย้งว่าเป็นที่งอกตามธรรมชาติแต่ เมืองพัทยามั่นใจว่าจากแนวเขตการรังวัดและภาพถ่ายทางอากาศ เป็นการบุกรุกพื้นที่อย่างแน่นอน

ขณะที่อาคาร B และ C ซึ่งบ้านสุขาวดีแจ้งว่าเป็นอาคารที่น้ำท่วมไม่ถึงนั้น เมืองพัทยา ได้ทำการรังวัดแนวเขตจากระดับน้ำทะเลสูงสุด แล้วพบว่า อาคารอยู่ในแนวที่มีการล่วงล้ำลำน้ำ

“แต่อย่างไรก็ตาม หลักฐานทุกอย่างคงต้องไปพิสูจน์ทราบทางกระบวนการยุติธรรมในศาลอีกครั้ง ส่วนจะใช้เวลาอีกนานเท่าใดจึงจะสามารถรื้อถอนได้คงต้องรอดูว่าจะมีการตรวจสอบและพิจารณาอย่างไร โดยจะมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมทำการชี้แจง ซึ่งหากการพิจารณาในชั้นศาลปกครองและศาลปกครองสูงสุดแล้วเสร็จถือว่าเสร็จสิ้นกระบวนการและสามารถดำเนินการตามคำสั่งศาลได้ทันที” หัวหน้าฝ่ายควบคุมอาคาร เมืองพัทยา กล่าว








กำลังโหลดความคิดเห็น