หนองคาย-พ่อเมืองหนองคาย ขอความร่วมมือร้านค้าชุมชน ร้านเหล้า เปิดขายตามเวลาที่กำหนด หากฝ่าฝืนสั่งสรรพสามิตถอนใบอนุญาต หวั่นเป็นแหล่งแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 แนะประชาชนในพื้นที่ดูแลตัวเอง เฝ้าระวัง หวั่นตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูง ยอดสะสมทั้งจังหวัด 407 ราย ฉีดวัคซีนแล้ว 15 เปอร์เซ็นต์
เมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้( 22 ก.ค.) ที่ห้องประชุมสวัสดิ์ สัมพาหะ สำนักงานสาธารณสุข จ.หนองคาย นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย, นพ.ชัชวาลย์ ฤทธิ์ฐิติ นายแพทย์สาธารณสุข จ.หนองคาย พร้อมคณะแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในพื้นที่ จ.หนองคาย ก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.หนองคาย
นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ขณะนี้จังหวัดหนองคายมีผู้ป่วยโควิด สะสม 407 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยติดเชื้อจากต่างจังหวัดขอกลับมารักษาในภูมิลำเนา ดังนั้นประชาชนที่มีญาติเดินทางกลับจากต่างจังหวัดขอให้ระมัดระวังตัว เพราะส่วนใหญ่จะเป็นผู้ติดเชื้อ และหากสมาชิกในครอบครัวไปสัมผัสหรือใกล้ชิดก็มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อไปด้วย จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาทั้งในโรงพยาบาลหนองคาย โรงพยาบาลต่างอำเภอและโรงพยาบาลสนามทั้ง 2 แห่ง มีเป็นจำนวนมาก
ทางคณะกรรมการโรคติดต่อกำลังพิจารณาสถานที่ที่จะใช้เป็นโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 3 ให้สามารถรองรับผู้ป่วยได้มากกว่า 200 ราย ส่วนมาตรการของจังหวัดยังคงเข้มงวดในการเปิดปิดร้านอาหาร เปิดให้นั่งรับประทานได้จนถึง 22.00 น. โดยเฉพาะร้านเหล้า ร้านค้าชุมชนที่ขายเหล้า ต้องเปิดขายในช่วงเวลาที่กำหนด ขอความร่วมมือร้านค้าต่าง ๆ ให้ขายตามเวลา
เพราะหากมีการดื่มเหล้าก็จะมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิดได้ง่าย หากร้านค้าใดฝ่าฝืนจะสั่งการให้สรรพสามิตถอนใบอนุญาตจำหน่ายทันที
นพ.ปิยะเดช วลีพิทักษ์เดช รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.หนองคาย กล่าวว่า จ.หนองคาย ได้ทำการฉีดวัคซีนไปแล้ว 15 เปอร์เซ็นต์ มากที่สุดในเขตสุขภาพที่ 8 ซึ่งแม้ว่าจะมีการสลับสูตร เข็มที่ 1 ฉีดวัคซีนซิโนแวก ส่วนเข็ม 2 ฉีดแอสตราเซเนก้า ก็มีประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนตามนัด แต่ขณะนี้ทางจังหวัดได้เลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน เนื่องจาก วัคซีนถูกเรียกคืนไปยังจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก
ทั้งในกรุงเทพและปริมณฑล 13 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด คาดว่าช่วงกลางเดือน ส.ค. จะได้รับการจัดสรรวัคซีนมาให้และสามารถให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนอีกครั้ง
ส่วนการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 จะเป็นเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงในการดูแลผู้ป่วย ส่วนประชาชนทั่วไปหากได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 เข็ม ก็สามารถป้องกันโรคโควิดไม่ให้อาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้