เชียงใหม่ - ลามไม่หยุด! เชียงใหม่เจอโควิด-19 เพิ่มอีก 1 คลัสเตอร์ใหม่เป็นแคมป์คนงานก่อสร้างในตำบลสุเทพ อำเภอเมือง ขณะที่คลัสเตอร์ตำบลแม่สอย จอมทอง ยังพบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก สั่งงดคนเดินทางเข้าพื้นที่ พร้อมให้คนเก็บลำไยขึ้นทะเบียนรับการตรวจคัดกรองหาเชื้อเป็นการด่วน
วันนี้ (19 ก.ค. 64) ที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แถลงสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ประจำวัน ว่า วันนี้จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 46 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมระลอกตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 เป็น 4,790 ราย รักษาหายแล้ว 4,202 ราย ยังคงมีผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทุกประเภทจำนวน 548 ราย แยกเป็นโรงพยาบาลสนาม 259 ราย โรงพยาบาลรัฐ 184 ราย และโรงพยาบาลเอกชน 103 ราย โรงพยาบาลต่างจังหวัด 2 ราย และอยู่ระหว่างสอบสวนโรคอีก 13 ราย โดยในวันนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมของจังหวัดเชียงใหม่ยังอยู่ที่ 27 ราย ขณะที่กลุ่มผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่นั้น แยกเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย (สีเขียว) 407 ราย อาการปานกลาง (สีเหลือง) 109 ราย อาการค่อนข้างหนัก (สีส้ม) 28 ราย และผู้ป่วยอาการหนัก (สีแดง) 4 ราย
ทั้งนี้ การตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มผู้สัมผัสหรือผู้เสี่ยงสูง เมื่อวานนี้ (18 ก.ค. 64) ตรวจไป 1,994 ราย พบผู้มีผลบวก 45 ราย และเป็นผู้ที่ตรวจพบเชื้อจากต่างจังหวัดอีก 1 ราย ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อยังคงเป็นเช่นเดิม โดยพบผู้สัมผัสเสี่ยงจากการสัมผัสในชุมชนสูงจากคลัสเตอร์ต่างๆ ของจังหวัด ส่วนการตรวจผู้ที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่จากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เมื่อวานนี้ (18 ก.ค. 64) ตรวจไปทั้งหมด 150 ราย พบผู้มีผลบวกจากสถานีรถไฟ 1 ราย และสถานีขนส่งอาเขต 1 ราย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้สั่งการให้โรงพยาบาลสารภีจัดตั้งจุดตรวจเพิ่มที่ด่านอำเภอสารภี โดยทำการตรวจ Rapid Antigen หรือการตรวจเชื้อจากโพรงจมูกด้วยวิธีหยดน้ำยาในกลุ่มพนักงานขับรถขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ ซึ่งเมื่อวานนี้ได้ดำเนินการตรวจไปแล้วกว่า 90 ราย พบผู้มีผลบวก 2 ราย จึงส่งเข้า SWAB เพื่อยืนยันอีกครั้ง
ด้านการตรวจคัดกรองเชิงรุก ทีมสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ได้ลงพื้นที่ออกตรวจที่โรงเรียนศรีจอมทอง และบ้านแม่สอย จำนวน 121 ราย พบผู้มีผลบวกเพียง 4 ราย ส่วนคลัสเตอร์ที่ยังคงพบผู้ติดเชื้ออยู่นั้นมี 2 คลัสเตอร์ ได้แก่ คลัสเตอร์ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 3 ราย รวมผู้ติดเชื้อในคลัสเตอร์นี้ 124 ราย และคลัสเตอร์คนเก็บลำไย ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 11 ราย รวมผู้ติดเชื้อในคลัสเตอร์นี้ 53 ราย อย่างไรก็ตาม ในวันนี้มีคลัสเตอร์ใหม่เพิ่มมาอีก 1 คลัสเตอร์ คือ คลัสเตอร์แคมป์ก่อสร้าง บ้านโป่งน้อย ตำบลสุเทพ ที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 5 ราย รวมผู้ติดเชื้อในคลัสเตอร์นี้ 12 ราย ซึ่งเป็นการระบาดในกลุ่มคนงานก่อสร้างที่เป็นคนต่างด้าวและญาติใกล้ชิด
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ 46 รายวันนี้เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด 35 ราย ซึ่งมาจาก 3 คลัสเตอร์ดังกล่าว จำนวน 19 ราย กลุ่มเด็กนักเรียนประถมศึกษาในพื้นที่อำเภอฝาง 6 ราย ซึ่งติดมาจากครอบครัวที่เป็นพนักงานขับรถขนส่งสินค้าจนนำเชื้อไปแพร่กระจายสู่กลุ่มเพื่อนนักเรียน อีก 7 ราย เป็นการติดเชื้อจากการสัมผัสผู้ติดเชื้อก่อนหน้า และอีก 3 รายอยู่ระหว่างการสอบสวน ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 11 ราย เป็นการนำเชื้อเข้ามาจากต่างจังหวัด ซึ่งมาจากกรุงเทพมหานคร 8 ราย ปทุมธานี 1 ราย ราชบุรี 1 ราย และพระนครศรีอยุธยาอีก 1 ราย
โดยรายที่มาจากราชบุรีเป็นพนักงานขับรถขนส่งสินค้าที่พบว่าติดเชื้อเมื่อวานนี้ ขณะนี้เป็นผู้ป่วยอาการหนัก กลุ่มสีแดง ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ จึงขอให้กลุ่มเสี่ยงสูง คือเจ้าของร้านค้าที่รับสินค้าจากรถบรรทุกขนส่งสีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 70-7932 ราชบุรี ในช่วงระหว่างวันที่ 15-17 กรกฎาคม 2564 ตามเส้นทางอำเภอเมืองเชียงใหม่ ถึงอำเภอฝาง ซึ่งคาดว่าเป็นสินค้าประเภทเส้นก๋วยเตี๋ยว เข้ารับการตรวจหาเชื้อโดยด่วนที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทุกแห่ง ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ติดเชื้อมีอาการหนักจึงสามารถแพร่กระจายเชื้อได้มาก
หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ บอกด้วยว่า จากการที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวนมากในคลัสเตอร์ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง และกระจายเชื้อไปในหลายกลุ่ม ทั้งผู้เก็บลำไย นักเรียนโรงเรียนบ้านโรงวัว ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านโรงวัว และคนในครอบครัวของเด็กๆ จึงขอให้ประชาชนงดการเดินทางเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว และขอให้ผู้ประกอบอาชีพจ้างเก็บลำไยไปติดต่อขึ้นทะเบียนกับเกษตรอำเภอ เกษตรตำบล หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ เข้ารับการตรวจ SWAB ได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่ง และเข้ารับทราบมาตรการป้องกันโรคจากสาธารณสุขอำเภอก่อนออกไปเก็บลำไยในครั้งต่อไป