xs
xsm
sm
md
lg

คลัสเตอร์ใหม่จนได้! เชียงใหม่พบกลุ่มเครือญาติกลับจากงานแต่งงานสตูลติดโควิด-19 แล้ว 10 รายภายใน 2 วัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - ศูนย์โควิด-19 เชียงใหม่แจงสถานการณ์รายวันหลังเจอติดเชื้อวันเดียว 10 ราย พบเกิดคลัสเตอร์ผู้เดินทางกลับจากงานแต่งงานที่สตูล ติดเชื้อรวมแล้ว 10 ราย ภายใน 2 วัน เสี่ยงสัมผัสหลายสิบราย ทั้งบนเครื่องบินและในโรงเรียน ชี้ปัจจัยหลักมาจากการนำเชื้อเข้ามาจากต่างจังหวัด เน้นย้ำสแกน CM-CHANA และกักตนเองเพื่อป้องกันควบคุมโรค


ช่วงเย็นวันนี้ (26 มิ.ย.) ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะตัวแทนศูนย์บัญชาการสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ว่า วันนี้จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 10 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเป็น 4,154 ราย รักษาหายแล้ว 4,090 ราย ยังคงมีผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทุกประเภท จำนวน 38 ราย แยกเป็นโรงพยาบาลรัฐ 31 ราย โรงพยาบาลเอกชน 7 ราย โดยในวันนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยังอยู่ที่ 26 รายดังเดิม ขณะที่กลุ่มผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่นั้นแยกเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย (สีเขียว) 28 ราย อาการปานกลาง (สีเหลือง) 8 ราย อาการค่อนข้างหนัก (สีส้ม) 1 ราย และผู้ป่วยอาการหนัก (สีแดง) 1 ราย


โดยการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มผู้สัมผัสหรือผู้เสี่ยงสูง เมื่อวานนี้ (25 มิ.ย.) ตรวจไป 701 ราย พบเชื้อ 10 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.43 ส่วนปัจจัยเสี่ยงในช่วงนี้พบว่ามีการนำเชื้อเข้ามาจากต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้นทุกวัน จนนำเชื้อไปสู่ครอบครัวและสถานที่ทำงาน จึงขอเน้นย้ำให้ผู้ที่เดินทางเข้ามาสแกน CM-CHANA และกักตนเองอย่างเคร่งครัด เพื่อลดการสัมผัสและลดการแพร่เชื้อ เพราะผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่ที่พบวันนี้ เป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากจังหวัดเสี่ยงสูง สำหรับการสุ่มตรวจคัดกรองหาเชื้อในแคมป์แรงงานต่างด้าวทั้งแรงงานไทย และแรงงานต่างด้าว เมื่อวานนี้อำเภอฮอด ได้สุ่มตรวจแคมป์ 1 แห่ง จำนวนคนงาน 7 คน ผลไม่พบเชื้อ


ขณะที่คลัสเตอร์ของจังหวัดเชียงใหม่ ยังคงเหลือคลัสเตอร์เฝ้าระวัง 5 คลัสเตอร์ ไม่พบผู้ติดเชื้อต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวันแล้ว 3 คลัสเตอร์ แต่ยังมีคลัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด 1 คลัสเตอร์ และมีคลัสเตอร์ใหม่เพิ่มขึ้นมา 1 คลัสเตอร์ คือ คลัสเตอร์ผู้เดินทางกลับจากงานแต่งงานที่จังหวัดสตูล ซึ่งพบผู้ติดเชื้อรวม 10 รายแล้ว ในช่วง 2 วันมานี้ โดยผู้ติดเชื้อทั้ง 10 รายของคลัสเตอร์นี้มีภูมิลำเนาในพื้นที่อำเภอฝาง แต่กระจายพักอาศัยอยู่ในอำเภอเมืองเชียงใหม่ และอำเภอฝาง ประกอบด้วย CM 4222 และ 4223 ซึ่งรายงานไปแล้วเมื่อวานนี้ CM 4233-4236 และเจ้าบ่าว เดินทางไปงานแต่งงานที่ตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.64 แล้วเดินทางกลับเชียงใหม่ 6 คน ในวันที่ 19 มิ.ย.64 โดย CM 4222 และ 4223 พักอยู่อำเภอเมืองเชียงใหม่ และได้แพร่กระจายโรคสู่ผู้สัมผัสในครอบครัว ตรวจพบเชื้อเพิ่ม 4 ราย คือ CM 4229-4232


ส่วน CM 4233-4236 เดินทางกลับไปบ้านที่อำเภอฝาง เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.64โดยขึ้นรถตู้โดยสารเชียงใหม่-ฝาง เวลา 15.00 น. ถึงเวลา 18.00 น. จ้างเหมารถสองแถวบริเวณปากทางขึ้นบ้านพักที่ดอยอ่างขาง และได้กักตัวที่บ้าน กระทั่งวันที่ 23 มิ.ย.64 ทราบข่าวว่าเกิดคลัสเตอร์งานแต่งในจังหวัดสตูล จึงเข้าตรวจหาเชื้อในวันที่ 24 มิ.ย.64 ส่วน CM 4229-4232 เป็นผู้สัมผัสร่วมบ้านในอำเภอเมือง ระหว่างวันที่ 20-24 มิ.ย.64 CM 4231 ไปโรงเรียนโกวิทธำรง ทุกวัน CM 4230 เรียน Online ส่วน CM 4232 และ 4229 เป็นพ่อแม่ ขายของชำย่านหนองป่าครั่ง หลังจากทราบว่า CM 4222 และ 4233 พบเชื้อโควิด-19 จึงเข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลนครพิงค์ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.64 และพบเชื้อ


ทั้งนี้ คลัสเตอร์ผู้ที่เดินทางมาจากงานแต่งงานที่จังหวัดสตูล พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 48 ราย ในครอบครัว 7 ราย ผลบวก 4 ราย ผลลบ 2 ราย รอผล 1 ราย ผู้สัมผัสในยานพาหนะรถตู้โดยสารเชียงใหม่-ฝาง 5 ราย อยู่ระหว่างรอตรวจ และผู้สัมผัสในชุมชน เป็นเพื่อนร่วมห้อง ป.6/4 โรงเรียนโกวิทธำรง 36 ราย อยู่ระหว่างรอตรวจ ทั้งหมดต้องกักตัว 14 วัน ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในสายการบินเวียตเจ็ท เฉพาะเที่ยวบินกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ที่นั่ง 2 แถวหน้า 2 แถวหลัง จำนวน 24 ราย อยู่ระหว่างติดตามตัวเข้ามาตรวจ และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำเป็นผู้ที่นั่งห่างออกไป 73 ราย ให้เฝ้าสังเกตอาการ 14 วัน ถ้ามีอาการจึงจะขอรับการตรวจ


สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่อื่นๆ อีก 2 ราย ประกอบด้วย CM 4237 เป็นหญิงไทย อายุ 51 ปี ภูมิลำเนาอำเภอแม่วาง ตรวจก่อนทำหัตถการ เนื่องจากเป็นโรคหัวใจ โดยก่อนวันที่ 24 มิ.ย.64 มีกิจวัตรส่งบุตรไปโรงเรียนบ้านพันตน ไปทำงานที่สวน ไปบ้านญาติ และซื้ออาหารจากรถพุ่มพวงที่บ้านหัวฝาย วันที่ 24 มิ.ย.64 ไปตรวจโรคประจำตัวตามนัดที่โรงพยาบาลแม่วาง และไปสระผมที่ร้านในหมู่บ้าน ไปเยี่ยมญาติ และซื้ออาหาร วันที่ 25 มิ.ย.64 แพทย์โรงพยาบาลแม่วางนัดตรวจหาเชื้อ และพบเชื้อในวันที่ 26 มิ.ย.64 ซึ่งรายนี้ยังไม่ทราบแหล่งสัมผัสโรคที่ชัดเจน อยู่ระหว่างการสอบสวน มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 8 ราย เป็นการสัมผัสในครอบครัว 6 ราย สัมผัสในชุมชน 2 ราย รอผลตรวจ และต้องกักตัว 14 วัน ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ คือ คนที่ซื้อของจากรถพุ่มพวง ให้เฝ้าสังเกตอาการ


รายสุดท้าย CM 4228 หญิงอายุ 32 ปี อาชีพทันตแพทย์ ภูมิลำเนาอำเภอแม่ริม เดินทางมาจากกรุงเทพฯ มีไทม์ไลน์คือ ในช่วงเดือน มิ.ย.64 ให้บริการที่คลินิกทันตกรรมที่กรุงเทพฯ และทราบภายหลังว่าผู้รับบริการเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.64 ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน1 ราย ในวันที่ 17 มิ.ย.64 จึงเข้ารับการตรวจหาเชื้อ ผลเป็นลบ แต่วันที่ 21 มิ.ย.64 เริ่มมีอาการเจ็บคอ ไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน แพทย์วินิจฉัยเป็นทอนซิลอักเสบ จากนั้นวันที่ 23 มิ.ย.64 เดินทางกลับจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยสายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD8 ที่นั่ง 55B เวลา 16.30 น. โดยมีแม่และลูกมารับที่สนามบิน วันที่ 24 มิ.ย.64 กักตัวอยู่บ้าน แต่วันที่ 25 มิ.ย.64 อาการยังไม่ดีขึ้น จึงเข้ารับการตรวจหาเชื้ออีกครั้งและพบเชื้อ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 11 ราย ในครอบครัว 3 ราย และในเที่ยวบิน 2 แถวหน้า 2 แถวหลัง 8 ราย กำลังโทร.ติดตามให้เข้ามารับการตรวจ ส่วนผู้ที่นั่งตำแหน่งอื่น เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำให้เฝ้าสังเกตอาการ


ดร.ทรงยศ ย้ำว่า อยากขอให้ชาวเชียงใหม่รักษามาตรการการป้องกันโรคส่วนตัวอย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อยครั้ง รักษาระยะห่าง งดงานเลี้ยงสังสรรค์และงานรวมกลุ่ม และรีบฉีดวัคซีนกันให้มาก ที่สำคัญต้องช่วยเหลือทีมโควิด-19 หมู่บ้านในการตรวจสอบ เป็นหู เป็นตาผู้ที่เดินทางเข้ามาจากจังหวัดเสี่ยง โดยจากข้อมูลการติดตามผู้ที่เดินทางเข้ามาจากพื้นที่เสี่ยงและสแกน CM-CHANA สะสม 18,361 ราย ติดตามตัวได้ 16,297 ราย คิดเป็นร้อยละ 88.76 และยังมีผู้ที่ไม่สแกน CM-CHANA อีกจำนวนหนึ่ง จึงขอกำชับผู้ให้ที่พักอาศัย โรงแรม หรือหอพักต่างๆ แจ้งให้ผู้ที่เดินทางเข้ามาสแกน CM-CHANA รายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และกักตัวอย่างเคร่งครัดด้วย

ด้านการฉีดวัคซีนจังหวัดเชียงใหม่ในสถานการณ์เช่นนี้ อยากให้ชาวเชียงใหม่ทุกคนพิจารณาตัดสินใจอย่างเร่งด่วนในการร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ โดยพร้อมใจกันฉีดวัคซีนให้ได้ร้อยละ 70 ของประชากร หรือ 1.2 ล้านคนตามเป้าหมาย ซึ่งขณะนี้มีผู้ประสงค์ฉีดแล้ว 826,491 คน คิดเป็นร้อยละ 69 คงค้างอีกร้อยละ 32 จึงจะไปถึงเป้าหมายในการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ที่ป้องกันโควิด-19 โดยขณะนี้มีผู้ที่ได้รับการฉีดไปแล้ว 124,624 คน จึงขอเชิญชวนทุกท่านที่ยังไม่ได้จองคิวฉีดให้จองคิวผ่านเว็บเบส “ก๋ำแปงเวียง” ที่เดียว ส่วนหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ สามารถส่งรายชื่อเป็นองค์กรจองการฉีดวัคซีนได้


กำลังโหลดความคิดเห็น