ศูนย์ข่าวขอนแก่น - สาวบ้านไผ่ร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น หลังบริษัทขุดเจาะท่อน้ำมันทำบ้านทรุด แตกร้าวหลายหลังในบ้านเมืองเพีย เจรจากับบริษัทตั้งแต่กันยายนปีก่อนไม่สามารถตกลงค่าซ่อมบ้านได้ ทุกวันนี้อยู่กันอย่างหวาดผวาอยากให้ผู้ว่าฯ ช่วยเคลียร์ด่วน
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (25 มิ.ย.) น.ส.ปาริชาติ ราชบุญเรือง อายุ 45 ปี ชาวบ้านเมืองเพีย ต.เมืองเพีย อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยนายปกาญจน์ นพศรี ทนายความ ได้เข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น เพื่อขอความเป็นธรรมจากนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าฯ ขอนแก่น กรณีได้รับความเดือดร้อนจากบริษัท ไชน่า ปิโตรเลียม ไปป์ไลน์ บูโร (ประเทศไทย) จำกัด ทำการขุดเจาะใต้ดินเพื่อสำรวจหาแหล่งน้ำมัน ทำให้บ้านเรือนของ น.ส.ปาริชาติ และเพื่อนบ้านอีกหลายหลังได้รับความเสียหาย บ้านทรุด แตกร้าว ไม่มีความปลอดภัยในการอยู่อาศัย
โดย น.ส.ปาริชาติ มีความตั้งใจอยากจะพบกับผู้ว่าฯ ขอนแก่น เพื่อเล่าปัญหาให้ฟัง แต่ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมยืนยันว่าต้องยื่นเรื่องร้องทุกข์ไว้ที่ศูนย์ดำรงธรรมเท่านั้น ให้รอไปอีกประมาณ 1 เดือนจะทราบผลว่าปัญหาดังกล่าวจะมีแนวทางแก้ไขอย่างไร
หลังจาก น.ส.ปาริชาติ ได้ฟังคำอธิบายจากเจ้าหน้าที่เข่าแทบทรุด ต้องปล่อยโฮ นั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าห้องศูนย์ดำรงธรรม เธอบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ถ้าจะให้รอถึง 1 เดือน คงจะไม่ไหว เพราะรอการแก้ไขปัญหานี้มานานมากแล้ว เหตุเกิดมาตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2563 เจรจากันไปแล้ว 3 รอบ แต่ทางบริษัทดังกล่าวยังไม่ยอมเยียวยา อีกทั้งตนสงสารแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็ง กลัวแม่จะเครียดแล้วทำให้อาการทรุดลงไปอีก
หลังจากนั้นไม่นาน นายกิติพงษ์ เบี้ยวโกฏิ ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น ได้ออกมารับเรื่องเอง พร้อมกับชี้แจงกับ น.ส.ปาริชาติ ว่า ผู้ว่าฯ ไม่อยู่ติดภารกิจอยู่ข้างนอก แต่ทางศูนย์ฯ จะเร่งรัดให้ โดยจะเรียกทางบริษัทมาเจรจากันภายในไม่เกิน 1 อาทิตย์นี้
จากนั้น น.ส.ปาริชาติ พร้อมทนายปกาญจน์ ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูตัวบ้านของเธอ และบ้านญาติพี่น้องอีก 2 หลัง ที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน จากการตรวจดูสภาพบ้าน พบว่า แต่ละหลังจะมีรอยแตกร้าวตามพื้น ตามผนังบ้าน รวมทั้งแผ่นฝ้าเพดานก็แยกออกจากผนังห้อง บางแห่งร้าวตั้งแต่หน้าบ้านจนถึงหลังบ้าน น.ส.ปาริชาติ ได้ใช้มือเคาะกระเบื้องปูพื้นให้ดู มีเสียงดังก้องอยู่หลายแผ่น เพราะกระเบื้องร่อน เนื่องจากพื้นบ้านทรุดตัวลงจนมีรอยแตกร้าวของพื้นบางจุดเป็นแนวยาว
น.ส.ปาริชาติ กล่าวว่า เหตุเกิดมาตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่ผ่านมา หลังจากที่บ้านของตนได้รับความเสียหาย ได้มีการเจรจากับตัวแทนของบริษัทมาแล้ว โดยไม่สามารถตกลงวงเงินในการซ่อมแซมบ้านได้ เนื่องจากทางบริษัทยื่นตีราคาค่าซ่อมมาเป็นเงินจำนวนน้อยกว่าที่จะซ่อมแซมได้
ตนจึงบอกทางบริษัทไปว่า ถ้าอย่างนั้นให้มาซ่อมให้เองเลย ตนจะไม่ขอรับเงินสักบาทเดียว แต่ทางบริษัทบอกว่าไม่สามารถซ่อมแซมในวงเงินจำนวนนี้ได้เช่นกัน โดยไม่ยอมบอกเหตุผล จากนั้นเงียบมาตลอด ตนไม่สามารถติดต่อบริษัทได้อีก เหลือเวลาอีกประมาณเดือนเดียวจะหมดอายุความในการฟ้องร้องเอาผิดกับบริษัทได้ ทำให้คนในครอบครัวเครียดมาก โดยเฉพาะแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งต้องนั่งดูบ้านทรุดอยู่ทุกวัน ไม่มีความปลอดภัยในการอยู่อาศัยเลย
ทางด้านนายปกาญจน์ นพศรี ทนายความ ระบุว่า ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นหากสามารถเจรจาตกลงกันได้น่าจะตกลงกันดีกว่า หากฟ้องร้องกันไป กว่าคดีจะจบก็อีกประมาณ 2-3 ปี เจ้าของบ้านเขาจะอยู่อย่างไร แต่ถ้าฟ้องร้องกันจริง ตนจะเดินหน้าตรวจสอบว่าบริษัทที่มารับเหมารับช่วงต่อจากบริษัทใหญ่อีกทอดหนึ่งมีการจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ เบื้องต้นจากการตรวจสอบยังไม่พบรายชื่อบริษัทที่มาทำการขุดเจาะอยู่ในสารบบเลย
“ในส่วนของการทำประชาพิจารณ์นั้น จากการตรวจสอบในชั้นต้นทราบว่า ยังไม่มีการทำประชาชนพิจารณ์กับชาวบ้านในท้องถิ่นเลย ตามข้อเท็จจริงแล้วการทำโครงการใหญ่ๆ จะต้องมีการเปิดเวทีรับฟังความเห็นในประเด็นผลกระทบสิ่งแวดล้อม ผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจจะเกิดขึ้นก่อนที่จะลงมือขุดเจาะ” นายปกาญจน์ กล่าว