นครปฐม - นครปฐมประกาศปิดตลาดทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์-ตลาดบน ในวันที่ 24-26 มิ.ย. หลังพบการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จังหวัดนครปฐม โดยนายยุทธนา โพธิวิหค นายอำเภอเมืองนครปฐม ได้มีคำสั่งประกาศปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว โดยให้ปิดตลาดทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ตลาดบน) ตั้งแต่วันที่ 24-26 มิ.ย. โดย คำสั่งอำเภอเมืองนครปฐมที่ 702/2564 เรื่อง ให้ปิดสถานที่เป็นการชั่วคราวโดยที่พบการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งได้แพร่ขยายขอบเขตการแพร่ระบาดของโรคออกเป็นวงกว้างกระจายในหลายพื้นที่ในแต่ละวัน
อีกทั้งยังมีการเดินทางของบุคคลจากเขตพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งโดยส่วนใหญ่ยังไม่ปรากฏอาการ เป็นเหตุให้เชื้อโรคแพร่ระบาดออกไปในลักษณะที่เป็นกลุ่มก้อนจนส่งผลให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ออกเป็นวงกว้าง และสืบเนื่องจากกรณีมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม เป็นจำนวนมาก
จากการสอบสวนโรคพบว่า มีความเกี่ยวเนื่องกับตลาดทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ตลาดบน) ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ดังนั้น เพื่อเป็นการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ไม่ให้ขยายออกไปเป็นวงกว้าง จึงอาศัยอำนาจตามความของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 18 ) นายอำเภอเมืองนครปฐม โดยความเห็นชอบของศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเมืองนครปฐม (ศปก.อ.เมืองนครปฐม)
จึงมีมติที่ประชุม เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ให้ปิดสถานที่ทั้งด้านในและรอบนอกของตลาดทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ตลาดบน) ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เป็นเป็นการชั่วคราว หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อนึ่ง เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้ง ตามมาตรา 30 วรรคสอง (1 ) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 24-26 มิ.ย.