อุทัยธานี - แล้งยังรุนแรงกลางฝน..ชาวนาอุทัยธานี ต้องเสี่ยงดวง แต่ละคนควักกระเป๋าวันละเป็นพันตั้งเครื่องสูบน้ำหน้าเขื่อนวังร่มเกล้า สูบน้ำขึ้นคลองเป็นทอดๆก่อนสูบเข้านาตัวเอง หวังยื้อต้นข้าวให้รอดตายถึงวันเก็บเกี่ยว
ภัยแล้งพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี ขณะนี้ยังคงทวีความรุนแรงขึ้น จากภาวะฝนทิ้งช่วงยาวนาน เกษตรกรที่ทำนาปลูกข้าวไว้รอฝนต้องเร่งหาแหล่งน้ำสูบไปช่วยหล่อเลี้ยงต้นข้าวให้อยู่รอดไปจนถึงเก็บเกี่ยวให้ได้
ล่าสุด พบว่า เกษตรกรในเขตชลประทานอุทัยธานี 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลทุ่งใหญ่ ตำบลหนองแก ตำบลหนองเต่า ตำบลหนองไผ่แบน และตำบลโนนเหล็ก อ.เมืองอุทัยธานี ต้องระดมตั้งเครื่องสูบน้ำเกือบ 100 เครื่อง สูบน้ำจากหน้าเขื่อนวังร่มเกล้า ขึ้นคลองส่งน้ำ ก่อนสูบน้ำต่อเข้าพื้นที่นาข้าวของตนเองกันเป็นทอดๆ เพื่อช่วยข้าวในนาที่ปลูกไว้นับพันไร่ รอดตายจากการขาดแคลนน้ำ
นายสมนึก วะราหะ อายุ 57 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 ต.หนองเต่า อ.เมืองอุทัยธานี เล่าว่า ตอนนี้ได้ทำการสูบน้ำมา 7 วัน 7 คืนแล้ว น้ำก็ยังไม่พอเลี้ยงต้นข้าว ต่อวันต้องใช้น้ำมันไม่ต่ำกว่า 50 ลิตร เพราะต้องดึงถึง 4 ทอด จึงจะถึงพื้นที่นาของตัวเอง ค่าน้ำมันตกวันละ 1,300-1,400 บาท แต่นาข้าวที่ทำไว้ 35 ไร่ ก็ยังได้น้ำไม่พอ เรียกได้ว่า ปีนี้แล้งหนักแต่ยังดีที่ยังมีน้ำของชลประทาน ได้ดึงไปช่วย แต่ก็ยังมีความเสี่ยง ถามว่าเหลือกำไรไหมคงไม่เหลือ
“รวมๆ แล้ว ตอนนี้ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงที่ทำนาด้วยกันทั้งหมดในรอบนี้ก็ไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ แต่ละคนก็ร่วมด้วยช่วยกันนำเครื่องมาสูบน้ำขึ้นมาและทยอยสูบเข้านาข้าวของตัวเอง เกือบๆ 100 เครื่อง เพราะฝนไม่ตกเลยก็เลยต้องยอมควักกระเป๋าลงทุนเพิ่มช่วยเหลือตัวเองกัน เพราะถ้าไม่สู้ทำต่อก็ขาดทุนไปเลย แต่ถ้าวัดดวงแบบนี้ ถ้าอีกหนึ่งเดือนยังแล้งแบบนี้ก็ยังพอมีน้ำสูบช่วยไปได้ เพราะตอนนี้ข้าวเริ่มได้ 1-2 เดือน บางรายก็เริ่มตั้งท้องกันแล้ว” นายสมนึก กล่าว