ศูนย์ข่าวศรีราชา - สมาคมอุตฯ บันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา หนุนรัฐปลดล็อกธุรกิจบันเทิงในจังหวัดที่ไม่มีการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 เพื่อช่วยต่อลมหายใจผู้ประกอบการ พร้อมผ่อนปรนมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้าน ส่วนพื้นที่สีแดงสนับสนุนให้ปิดต่อไปคู่การเร่งจัดหาวัคซีนฉีดให้เพียงพอก่อนเปิดประเทศ
หลังจากที่สมาพันธ์ผู้ประกอบอาชีพธุรกิจกลางคืนและธุรกิจบันเทิง นำโดยนายปริญ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ประสานงานได้นำผู้ประกอบอาชีพธุรกิจบันเทิงและธุรกิจกลางคืนดข้ายื่นจดหมายขอผ่อนปรนมาตรการควบคุมต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจบันเทิงและธุรกิจกลางคืน
รวมทั้งกลุ่มอาชีพอิสระที่เกี่ยวข้องให้มีรายได้เลี้ยงครอบครัว หลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 มาตลอดระยะเวลา 200 วัน
พร้อมขอให้มีการยกเลิกคำสั่งปิดสถานบันเทิงแบบเหมารวม โดยขอให้ปิดเฉพาะสถานประกอบการที่พบผู้ติดเชื้อหรืออยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงเป็นระยะเวลา 14 วัน โดยให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้กักตัว รวมทั้งให้มีคำสั่งปลดล็อกเพื่อให้ธุรกิจกลางคืนและธุรกิจบันเทิงได้กลับมาเปิดบริการภายในวันที่ 1 ก.ค. ภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค.อย่างเข้มงวด
รวมขอให้สถานบันเทิงที่เปิดให้บริการได้สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อบริโภคภายในร้าน เนื่องจากไม่พบข้อมูลบ่งชี้ว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยในการก่อโรค และให้เร่งพิจารณาจัดสรรฉีดวัคซีนให้ผู้ประกอบการ ผู้บริการ หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานประกอบการธุรกิจกลางคืนและธุรกิจบันเทิงโดยเร็วนั้น
วันนี้ (18 มิ.ย.) นายดำรงเกียรติ พินิจการ เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ได้ออกมาสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว พร้อมให้ความเห็นว่าอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจและเศรษฐกิจสถานบันเทิงและบริการในเมืองพัทยา คือการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ครอบคลุมจำนวนประชากรและแรงงานภาคต่างๆ ไม่น้อยกว่า 70% เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว
โดยขอให้สถานบันเทิงที่อยู่ในพื้นที่หรือจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สมควรได้รับการผ่อนปรนเพื่อให้ผู้ประกอบการ พนักงานและแรงงานมีรายได้ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 ที่เคร่งครัด
แต่ในส่วนสถานบันเทิงในจังหวัดที่ยังมียอดผู้ติดเชื้อสูงไม่ควรอนุโลมให้เปิดเพราะอาจเกิดคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อใหม่ขึ้นได้อีก และอาจส่งผลกระทบต่อวิถีความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ได้
“อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในเมืองพัทยา หลังจากที่นายกรัฐมนตรีออกมาประกาศว่าจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในอีก 120 วันข้างหน้า ทำให้ผู้ประกอบการหลายภาคส่วนเริ่มมีความหวังในการประกอบธุรกิจ เหมือนเริ่มมีแสงสว่างส่องลงมาต่อลมหายใจ แต่การจัดสรรวัคซีนสิ่งที่จำเป็นและจะต้องเกิดขึ้นโดยรวดเร็วก่อนเปิดประเทศ”
ขณะที่ผู้ประกอบการที่มีฐานลูกค้าเป็นคนไทย แม้ตั้งแต่การแพร่ะระบาดระลอกแรกถึงระลอก 3 จะมีการปรับรูปแบบบริการเพื่อให้พนักงานได้มีรายได้เลี้ยงครอบครัวแต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก
โดยมาตรการผ่อนปรนจะต้องค่อยๆ ขยับไปทีละธุรกิจ เช่น ร้านอาหาร หรือร้านนั่งชิลแบบ outdoor ควรให้นั่งดื่มเครื่องแอลกอฮอล์ได้
