อุทัยธานี - สาวอุทัยฯ วัย 26 พร้อมเพื่อน หอบหลักฐาน-ควงทนายแจ้งความผู้ค้าส่งสลากกินแบ่งรัฐบาลชาวบึงกาฬ อ้างรู้จักผู้ค้ารายใหญ่-ขายส่งถูกกว่ายี่ปั๊วใบละร่วม 10 บาท สั่งซื้อยอดน้อยได้ครบ พอรวมกลุ่มเพิ่มออเดอร์ยอดหายสูญเกือบ 30 ล้าน
วันนี้ (11 มิ.ย. 64) น.ส.กฤษณา แซ่เบ๊ อายุ 26 ปี ชาว ต.น้ำซึม อ.เมืองอุทัยธานี พร้อมกับกลุ่มเพื่อน และนายสถาพร ฉวีกุลมหันต์ หรือทนายบี นำหลักฐานเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุทัยธานี ดำเนินคดีต่อผู้ค้าส่งสลากกินแบ่งรัฐบาลชาว จ.บึงกาฬรายหนึ่ง ที่อ้างว่ารู้จักกับคนส่งสลากฯ รายใหญ่ สามารถขายส่งสลากฯ ให้ได้ในราคาถูกกว่ายี่ปั๊วใบละเกือบ 10 บาท
ก่อนตัดสินใจซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ตั้งแต่ยอดเล็กไปจนถึงยอดใหญ่ จนสุดท้ายได้โอนเงินจ่ายไปมากถึง 29 ล้านบาท แต่กลับไม่มีการส่งสลากกินแบ่งรัฐบาลให้ตามที่ตกลงกันไว้ จึงทำให้ต้องมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อหญิงรายดังกล่าว
น.ส.กฤษณาเล่าว่า ตนได้ทำการซื้อขายกับหญิงรายนี้มาตั้งแต่ช่วงต้นปี คือเดือนมกราคม 2564 ขายในราคาฉบับละ 67 บาท เล่มละ 6,700 บาท โดยแจ้งว่ารับมาจากเจ้าใหญ่ รู้จักกับคนใน ซื้อขายกันมาแล้วประมาณ 5 ครั้ง ซึ่งช่วงแรกๆ นั้นไม่มีปัญหาเพราะสั่งซื้อกันแค่หลักร้อยเล่มเท่านั้น
กระทั่งเริ่มมีปัญหาการซื้อขายได้ลอตเตอรี่ไม่ครบตั้งแต่งวดวันที่ 16 มีนาคม ซึ่งพอไม่ได้ยอดของงวดนี้ก็จะมีการอ้างว่าจะไปทบกับยอดของงวดหน้า ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าทบยอดเดี๋ยวเราก็ได้ตามที่คุยกัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลอตเตอรี่คงค้าง โดยยอดเงินของตนเองที่ยังไม่รวมกับของลูกค้าอยู่ที่ประมาณ 10 กว่าล้านบาท แต่ถ้ารวมกับของกลุ่มลูกค้าตนแล้ว เสียหายกันไม่ต่ำกว่า 29 ล้านบาท
ร.ต.อ.กฤตนัย ล้วนสมหวัง ร้อยเวร สภ.เมืองอุทัยธานี เปิดเผยว่า ตามที่สอบสวนผู้กล่าวหาพบว่าเริ่มซื้อขายกันมาตั้งแต่ช่วงต้นปี คือ เดือนมกราคม 2564 แต่เริ่มมีปัญหาการซื้อขายกันในช่วงวันที่ 16 เมษายน-2 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารล่าสุดแล้วสามารถดำเนินคดีต่อผู้ถูกกล่าวหาในคดีฉ้อโกงได้ เบื้องต้นจะเรียกผู้ถูกกล่าวหารายนี้เข้ามาสอบสวนตามขั้นตอนอีกครั้ง
ด้านทนายสถาพรกล่าวว่า วิธีทางกฎหมายแล้วพูดง่ายๆ คือเข้าข่ายฉ้อโกง เพราะมีผู้เสียหายอีกเยอะ และเราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าปัจจุบันนี้ตัวเขาเองก็อ้างมาว่าเขาขายจริง แต่คนจัดสรรลอตเตอรี่ต้นทางไม่ได้ส่งมาอีกทีหนึ่ง แต่เราก็ไม่รู้ความจริง จึงต้องเข้ามาขอความช่วยเหลือทางพนักงานสอบสวน เพื่อให้ทางตำรวจช่วยตรวจสอบว่าเป็นความจริงหรือไม่
และที่ต้องเข้ามาดำเนินการในครั้งนี้อีกอย่างคือ น.ส.กฤษณา ลูกความตนก็ถูกลูกค้าแจ้งความอีกทีหนึ่ง มันจึงจำเป็นต้องมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงเจตนาว่าลูกความไม่ได้มีเจตนาในการฉ้อโกง เขารับเงินมาแล้วตอนนี้ก็ยังมีสำรองจ่ายไปอยู่แล้วก็รับผิดชอบกับลูกค้าเป็นปกติ ซึ่งรวมลูกค้าที่เสียหายอยู่ที่ประมาณ 60 ราย โดยทางลูกความได้ชำระเงินไปให้แล้วประมาณ 20 ราย