กาญจนบุรี - นายก อบจ.กาญจน์ ไม่เคลียร์ นายกฯ ปลดล็อกวัคซีนโควิด-19 ให้ท้องถิ่นจัดหาจากหน่วยงานของรัฐ งง! ถ้ารัฐมีวัคซีนในมือแล้วก็ควรแจกจ่าย ให้ท้องถิ่นจัดหาทำไม พร้อมติงพื้นที่สีแดงแต่กลับได้รับจัดสรรเป็นพื้นที่ไม่มีความเสี่ยง
วันนี้ (9 มิ.ย.) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตามที่ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตนจับประเด็นได้ว่าท้องถิ่นสามารถจัดหาวัคซีนได้ ภายใต้เงื่อนไขของข้อ 3 ซึ่งมีสาระสำคัญคือ ให้จัดซื้อจากหน่วยงานที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งตนยังหาประเด็นจริงๆ ไม่เจอว่า ถ้ารัฐบาลมีวัคซีนอยู่ในมือ จัดหาวัคซีนได้แล้วก็ควรจะแจกจ่ายออกมา
แต่หากถามว่า ท้องถิ่นพร้อมหรือไม่ในการจัดหาวัคซีน จะมีอยู่ 2 ประเด็น คือ 1.แหล่งที่จะจัดซื้อ และ 2.ความพร้อมที่จะจัดซื้อ ซึ่งทาง อบจ. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน จ.กาญจนบุรี ปริมาณเงินสะสม และเงินทุนสำรองมีเพียงพอที่จะสามารถจัดหาวัคซีนให้พี่น้องประชาชนชาวกาญจนบุรีได้ครอบคลุม 70% ของประชาชนทั้งจังหวัดอย่างแน่นอน
เพียงแต่ประเด็นที่มาของการจัดซื้อและแหล่งที่มาของวัคซีน ตนไม่แน่ใจ เพราะภายใต้เงื่อนไขข้อ 3 คือ จัดหาจากหน่วยงานของรัฐ ดังนั้น ถ้ารัฐมีวัคซีนอยู่ในมือแล้วรัฐก็ควรจะแจกจ่ายออกมา แต่ถ้ารัฐไม่แจกจ่ายวัคซีน แต่ให้ท้องถิ่นจัดหาจัดซื้อ ตนคาดว่าทาง ศบค.จังหวัด ซึ่งมี นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานคงจะเรียกประชุมท้องถิ่นเพื่อกำหนดแนวทางต่อไป
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า ขณะนี้เรายังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่า วัคซีนได้ถูกจัดสรรมาให้มีจำนวนเท่าไร ท้องถิ่นจะต้องจัดหาอีกเท่าไร และจัดหาได้จากที่ไหน แต่ถ้าหาภายใต้เงื่อนไขข้อ 3 ก็แสดงว่ารัฐบาลมีวัคซีนอยู่ในมือแล้ว ดังนั้น จะต้องทำให้ประเด็นที่กล่าวมานี้เกิดความกระจ่างและชัดเจนเสียก่อน
สำหรับ จ.กาญจนบุรี เป็นพื้นที่ที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งถือเป็นพื้นที่สีแดง อีกทั้งเป็นจังหวัดท่องเที่ยวด้วย โดยรัฐได้จัดให้ จ.กาญจนบุรี เป็นพื้นที่สีแดง แต่กลับจัดสรรวัคซีนเป็นพื้นที่ไม่มีความเสี่ยง ซึ่งเป็นความย้อนแย้ง