ฉะเชิงเทรา - รักษาการ ผบ.เรือนจำกลางแปดริ้ว ยันการแพร่ระบาดโควิด-19 ภายในเรือนจำที่มีผู้ป่วยมากกว่าครึ่งของจำนวนผู้ต้องขังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และไม่มีกลุ่มผู้ป่วยสีแดงให้ต้องกังวลใจแจงญาติสบายใจได้
จากกรณีที่มีการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำกลางจังหวัดฉะเชิงเทรามากถึง 1,476 ราย จากจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 2,696 ราย หรือติดเป็นร้อยละ 54.74 ของจำนวนผู้ต้องขังที่มี โดยในวันนี้มีตัวเลขผู้รักษาหายเพียง 57 ราย ส่งผลให้บรรดาญาติพี่น้องของผู้ต้องขังพากันกังวลใจ และได้เดินทางเข้าตรวจสอบรายชื่อผู้ติดเชื้อตลอดทั้งวันตลอดช่วงวานนี้นั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.สมสกุล แอลเฟรด รักษาการผู้บัญชาการเรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ซึ่งได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่แทน นายกรีฑา แก้วเทศ อดีตผู้บัญชาการเรือนจำกลางฉะเชิงเทรา หลังกระทรวงยุติธรรม มีคำสั่งให้ไปปฏิบัติ ราชการประจำกรมราชทัณฑ์ตั้งเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่าปัญหาการระบาดของเชื้อโควิด-19 ภายในเรือนจำกลางฉะเชิงเทราเป็นการตรวจค้นพบเชื้อเมื่อมีการระบาดจนทะลุแดนเข้าสู่พื้นที่ภายใน
ไม่ใช่เฉพาะในห้องกักตัวแรกรับจึงทำให้การติดเชื้อระหว่างกันมีค่อนข้างมากเนื่องจากไม่สามารถแบ่งแยกผู้ต้องขังให้เป็นสัดส่วนได้ชัดเจน อีกทั้งผู้ต้องขังนอกจากจะอยู่รวมกันแล้ว ยังต้องรับประทานอาหารร่วมกันจึงมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย
โดยยืนยันว่า ขณะนี้เรือนจำกลางจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ทำการจำแนกกลุ่มผู้ติดเชื้อเพื่อส่งรักษาตามระดับของอาการ ป้องกันไม่ให้มีผู้ป่วยหนัก หรือเสียชีวิตโดยมีทีมแพทย์จากโรงพยาบาลพุทธโสธร เข้าดูแลอย่างใกล้ชิด
นอกจากนั้น เรือนจำยังได้เงินสนับสนุนจำนวน 1.3 ล้านบาท จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อจัดซื้อสิ่งของจำเป็นสำหรับใช้ในโรงพยาบาลสนามที่ตั้งอยู่ภายในเรือนจำ และยังได้รับสิ่งของบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา จึงทำให้โรงพยาบาลสนามมีความพร้อมในการดำเนินงานมากขึ้น
น.ส.สมสกุล ยังเผยอีกว่า ขณะนี้โรงพยาบาลสนามภายในเรือนจำ มีศักยภาพเพียงพอที่จะดูแลรักษาผู้ต้องขัง และสามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดได้ โดยในขณะนี้ได้มีการจำแนกผู้ติดเชื้อออกเป็นกลุ่มสีเขียว คือ กลุ่มที่ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ จึงได้จ่ายยาฟ้าทะลายโจรให้แก่ผู้ป่วย
ส่วนกลุ่มสีเหลือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน โรคอ้วน หรือโรคเกี่ยวกับเส้นเลือด หรือหากเอกซเรย์ปอดแล้วพบว่าติดเชื้อหรือปอดเป็นฝ้าจะให้ยาฟาวิพิราเวียร์
แต่หากพบว่ามีอาการเหนื่อยง่าย หายใจไม่สะดวก จะถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลภายนอก เมื่ออาการดีขึ้นแล้วจึงจะนำกลับเข้ารักษาในโรงพยาบาลสนามต่อไป
“ขณะนี้สามารถยืนยันได้ว่าภายในเรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ไม่มีผู้ต้องขังติดเชื้ออยู่ในกลุ่มอาการป่วยหนักหรือสีแดง ส่วนกรณีที่มีญาติของผู้ต้องขังเดินทางเข้ามาสอบถามถึงอาการและเข้าติดตามดูว่ามีญาติติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่นั้น สามารถตรวจสอบรายชื่อที่โรงพยาบาลสนามนำมาติดประกาศไว้ได้”
น.ส.สมสกุล ยังเผยอีกว่า โรงพยาบาลสนาม เรือนจำกลาง จ.ฉะเชิงเทรา จะนำรายชื่อผู้ติดเชื้อ รวมทั้งสถานการณ์อาการติดประกาศไว้ และได้มีการประชาสัมพันธ์ไปทางญาติของผู้ต้องขังผ่านทางโทรศัพท์โดยไม่มีการปิดบังข้อมูลใดๆ และขอยืนยันว่า ผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำไม่มีกลุ่มผู้ป่วยสีแดงจึงไม่น่าเป็นห่วงมากนัก