xs
xsm
sm
md
lg

อึ้งทั้งบาง! ครูบาดังลำปางเปลื้องผ้าเหลืองเผ่นหนีตรวจสอบข้อครหามีลูก 9 คน-เงินบริจาค-ใบสุทธิปลอม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ลำปาง - “ครูบาดังลำปาง” เปลื้องผ้าเหลืองห่มขาวออกจากวัดหนีการตรวจสอบข้อครหาสารพัด ทั้งมีลูก 9 คน อายุ สถานะความเป็นพระ ใบสุทธิปลอม และเงินบริจาค แต่ชี้แจงไม่ได้


หลังจาก พระครูสิริชัยพิพัฒน์ เจ้าคณะอำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง ได้ออกประกาศสำนักงานเจ้าคณะอำเภอแม่ทะ ที่ 03/2564 เรื่อง พระบุญเป็ง โชติปญฺโญ วัดห้วยฟ้าหลั่ง พ้นจากสมณเพศ เมื่อวันที่ (29 พ.ค. 64) โดยระบุว่าพระบุญเป็ง หรือที่รู้จักในนาม ครูบาบุญเป็ง ต้องการไปใช้ชีวิตแบบฆราวาสกับลูกหลานในวัยชรา ได้สร้างความสงสัยแก่ศรัทธาประชาชนชาวลำปางและลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมากว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น

พระครูสิริชัยพิพัฒน์ เจ้าคณะอำเภอแม่ทะ เล่ารายละเอียดให้ฟังว่า เมื่อประมาณปลายปี 2563 มีประชาชนร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง และทางจังหวัดแจ้งมายังอำเภอแม่ทะ นายอำเภอแม่ทะได้ขอให้เจ้าคณะอำเภอช่วยดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง 2 เรื่อง

คือ 1. เรื่องอายุและพรรษา เนื่องจากทางวัดจะมีการจัดงานฉลองสมโภชอายุครบ 100 ปี โดยให้หน่วยงานราชการและคณะสงฆ์ยืนยันข้อเท็จจริง 2. ตรวจสอบการบริหารงานวัดห้วยฟ้าหลั่งว่ามีการบริหารงานอย่างไร เนื่องจากวัดไม่มีเจ้าอาวาส/ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส จึงควรตรวจสอบบัญชีรับ-จ่าย และบัญชีเงินฝากธนาคารด้วย

ต่อมาจึงมีการประชุมและแต่งตั้งพระสงฆ์จำนวน 9 รูป เป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีพระครูวิธานพัฒนสุนทร เจ้าคณะตำบลแม่ทะ ประธาน นำคณะกรรมการทั้งหมดพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอแม่ทะเข้าพบพระบุญเป็งที่วัดห้วยฟ้าหลั่ง เพื่อสอบถามประเด็นต่างๆ


คณะกรรมการฯ ได้ขอดูหนังสือสุทธิหรือบัตรประจำตัวพระสงฆ์ ก็พบเพียงสำเนาหนังสือสุทธิที่ออกให้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2544 โดยพระครูอนุรักษ์ ธรรมคุณ พระอุปัชฌาย์ ในพื้นที่ ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่อนสอน เพียงฉบับเดียว ซึ่งทางพระบุญเป็งใช้ประกอบในการขอตั้งวัดห้วยฟ้าหลั่งด้วย

ทางอำเภอแม่ทะและสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปางได้ตรวจสอบข้อมูลทั้งทางทะเบียนราษฎรตั้งแต่ฉบับมือเขียน (รุ่น 2515) และสอบถามไปยังต้นทางเดิมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่มีการขอทำบัตรประชาชนสลับกับการเป็นพระ และตรวจสอบหนังสือสุทธิจากเจ้าคณะจังหวัดแม่ฮ่องสอน

พบว่าหลังจากที่บวชครั้งแรกในปี 2544 พระบุญเป็งได้ทำการ “สึกบก” (สึกเอง) โดยเปลี่ยนสถานะจากพระเป็นฆราวาส และไปใช้ชีวิตตามปกติมีครอบครัวมีลูก ก่อนจะกลับมาสวมผ้าเหลืองโดยใช้หนังสือสุทธิเดิมครั้งแรกตลอดมา แต่มาทำหนังสือสุทธิปลอมและถูกยกเลิกไป โดยเปลี่ยนฉายาจากเดิมที่บวชเป็น “พระเป็ง โชติปญฺโญ” แต่หลังจากนั้นก็หันมาใช้ “ครูบาบุญเป็ง จกฺกรตโน” ซึ่งพบว่ามีการ “สึกบก” อย่างน้อย 3 ครั้งระหว่างที่บวช

เจ้าหน้าที่และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้นำข้อมูลต่างๆ รวมถึงทะเบียนราษฎร ซึ่งปรากฏชื่อของนายบุญเป็ง เป็นบิดา สอบถามยืนยันกับเจ้าตัวอีก ซึ่งพระบุญเป็งปฏิเสธทุกคำถาม โดยบอกว่า..ตนเองบวชมาตั้งแต่อายุ 22 และสึกเองโดยเป็นฆราวาสเพียง 6 วันก็กลับมาบวช คือการกลับไปสวมผ้าเหลืองและไม่เคยสึกออกมาอีกเลย และปฏิเสธไม่มีลูก

ส่วนประเด็นรายรับรายจ่ายเงินในบัญชีก็ปรากฏว่าไม่มีบัญชีของวัดมีแต่บัญชีส่วนตัวของพระบุญเป็งเท่านั้น เมื่อมีคนบริจาค พระบุญเป็งได้ออกใบอนุโมทนาบัตรให้ โดยระบุว่าตนเองเป็นเหรัญญิกและเจ้าอาวาสวัดห้วยฟ้าหลั่ง


ต่อมาบุตรสาวของพระบุญเป็งได้เดินทางมาจากต่างจังหวัดเพราะเข้าใจว่าทางเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบเพียงเรื่องรายรับรายจ่ายของวัด จึงเดินทางเข้าพบเจ้าคณะอำเภอและนายอำเภอแม่ทะเพื่อชี้แจงว่าลูกหลานรวมถึงคนในครอบครัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเงินวัด

และได้ให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ว่าตนเองเป็นลูกของพระบุญเป็ง โดยพระบุญเป็งมีลูกรวมทั้งสิ้น 9 คน และเสียชีวิตไป เหลือ 6 คน โดยระบุว่าสาเหตุที่พ่อกลับมาบวชอีกครั้งเพราะลูกป่วย และพ่อซึ่งเดิมเป็นหมอพื้นเมืองแต่รักษาลูกไม่ได้จึงตัดสินใจบวช ซึ่งทำให้รู้ว่าพระบุญเป็งเคยสมรสและมีบุตรจริง

ขณะเดียวกัน เจ้าคณะจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ตรวจสอบหนังสือสุทธิของ “พระเป็ง โชติปญฺโญ” แล้วรายงานว่าหนังสือสุทธิที่พระเป็งใช้ในปัจจุบันนั้นมีความผิดปกติหลายประการ และเป็นข้อมูลไม่ถูกต้องพร้อมให้ยกเลิกหนังสือสุทธิสังกัดวัดสบป่อง อ.ปางมะผ้า ที่พระเป็งใช้ตั้งแต่บัดนี้

เจ้าคณะอำเภอแม่ทะจึงมอบหมายให้เจ้าคณะตำบลนำเรื่องดังกล่าวแจ้งให้พระบุญเป็งทราบ เพื่อให้แสดงหนังสือสุทธิฉบับอื่นแสดงถิ่นที่อยู่และความบริสุทธิ์แห่งการครองสมณเพศ กรณีไม่มีหนังสือสุทธิเล่มอื่นมาแสดง ให้ไปร้องขอให้พระอุปัชฌาย์ที่ทำการอุปสมบทออกหนังสือให้และนำมาแสดงภายใน 15 วัน ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม เมื่อครบกำหนดเจ้าคณะตำบลแม่ทะเข้าตรวจสอบที่วัด ปรากฏว่าไม่พบพระบุญเป็ง มีเพียงเอกสารสำคัญของวัด คือสำเนาทะเบียนบ้านวัดที่ปรากฏหน้า 2 ลำดับที่ 1 และคำนำหน้าจากพระเป็ง จันทร์ต๊ะมูล แก้เป็นนายเป็ง จันทร์ต๊ะมูล และใบแจ้งการย้ายที่อยู่ปลายทางไปยังบ้านเลขที่อื่น (โดยไม่ปรากฏการลาสิกขา)

ขณะเดียวกัน ทางอำเภอได้รับรายงานว่า วันที่ 28 พ.ค.นายเป็งได้แต่งกายเป็นฆราวาสเพื่อขอทำบัตรประชาชน ณ ที่ว่าการอำเภอหางดง แต่ทางงานทะเบียนยังไม่สามารถออกให้ได้เพราะขาดหลักฐานคือหนังสือสุทธิที่ระบุการลาสิกขา จึงได้ประสานมายังอำเภอแม่ทะให้ตรวจสอบ

วันที่ 29 พ.ค. นายบุญเป็งได้เข้าพบเจ้าคณะอำเภอแม่ทะ แต่กลับพบว่าแต่งกายด้วยชุดพระสงฆ์เช่นเดิม โดยมาขอคัดสำเนาหนังสือสุทธิที่ทางสังกัดวัดสบป่องสั่งให้ยกเลิกเพื่อไปขอออกบัตรประชาชน โดยไม่มีการลาสิกขาอีกเช่นเคย พร้อมบอกเพียงว่า..ไม่ต้องสึกอะไรละเพราะตนเองมีเสื้อผ้าอยู่ในรถแล้ว ก่อนที่จะกลับไป จากนั้นเจ้าคณะอำเภอแม่ทะจึงออกประกาศการพ้นจากสมณเพศของพระบุญเป็งดังกล่าว


พระครูสิริชัยพิพัฒน์ เจ้าคณะอำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง ได้ฝากข้อคิดให้กับญาติโยมว่าการทำบุญกับพระควรดูก่อนว่าเป็นพระจริงหรือพระปลอม ที่ผ่านมาญาติโยมจะไม่ค่อยเข้าใจกฎหมายพระ พอเห็นสงฆ์อยู่ศาลา อยู่ข้างถนนก็ไปอุปถัมภ์ค้ำจุน ซึ่งก่อนจะทำบุญควรตรวจสอบความเป็นสถานะของพระเสียก่อน พระดีหรือพระไม่ดี อันดับแรกคือต้องตรวจสอบว่าพระมีหนังสือสุทธิไหม และจะมีตราปั๊มของเจ้าคณะแต่ละพื้นที่เหมือนกันทั่วประเทศ

“ญาติโยมที่หลงงมงายเกี่ยวกับการทำบุญทำกุศลมากโดยใช่เหตุ จงคิด จงใช้สติ ไม่ใช่เห็นพระมารยาทดีก็ทำบุญไป สมัยนี้พระจรจัดพระปลอมเยอะ เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ”

ส่วนที่ทำบุญสร้างโบสถ์สร้างวิหารต่างๆ ตามกฎหมายพระ ก็ต้องมีแบบแปลน เหมือนชาวบ้านจะสร้างบ้านก็ต้องมีแบบมีแปลน ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อน และต้องมีงบประมาณอยู่ส่วนหนึ่งแล้วจึงจะสร้างและขอเรี่ยไรรับบริจาคได้ ส่วนวัดที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่นสำนักสงฆ์ ที่พักสงฆ์ จะเรี่ยไรไม่ได้ ในภาคเหนือภาค 6 ที่จะสามารถเรี่ยไรขอรับบริจาคได้ก็จะมี ฉัตร ช่อฟ้า ลูกนิมิตร เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นทำไม่ได้

ด้าน นายบุญยะเดช ธิธรรมมา ผญบ.บ้านแม่ทะ ม.1 ต.แม่ทะ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง บอกว่า หลังเจ้าคณะอำเภอแม่ทะมีประกาศให้พระบุญเป็งพ้นจากสมณเพศ ชาวบ้านก็เริ่มรับทราบแล้ว และอยากฝากถึงผู้ที่ศรัทธาอดีตพระเป็งให้ทราบว่าขณะนี้นายเป็งไม่ได้เป็นพระอีกแล้วและไม่ได้อยู่ที่วัดห้วยฟ้าหลั่งแห่งนี้แล้ว ส่วนการดำเนินการฟื้นฟูวัดทางเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมถึงคณะกรรมการหมู่บ้านจะได้มาประชุมเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปโดยเร็วที่สุด




กำลังโหลดความคิดเห็น