xs
xsm
sm
md
lg

รมช.เกษตรฯ ลงพื้นที่สระบุรี ร่วมหาทางป้องกันการแพร่ระบาด “ลัมปีสกิน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สระบุรี - รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะลงพื้นที่ องค์การส่งเสริมกิจการโคนม และเกษตรกรผู้ลี้ยงโคนม อำเภอมวกเหล็กพร้อมมอบอุปกรณ์ ยาและเวชภัณฑ์ป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสลัมปีสกิน (LUMPY Skin Disease)

วันนี้ (28 พ.ค.) น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะลงพื้นที่องค์การส่งเสริมกิจการโคนม อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เพื่อตรวจสอบ พร้อมทั้งวางมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสลัมปีสกิน (LUMPY Skin Disease) หลังพบว่า เชื้อไวรัสดังกล่าว มีการแพร่ระบาดในหลายพื้นที่ อีกทั้งเพื่อ เป็นการลดความสูญเสีย โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยง เศรษฐ์กิจอย่างโค กระบือ ที่ประสบปัญหาการแพร่โรคระบาดของไวรัสดังกล่าว โดยมี แมลงมีปีกเป็นพาหะนำโรค


โดยองค์การการส่งเสริมกิจการโคนม หรือ อสค. ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี รวมถึงสมาชิกและเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม มีโคนมจำนวน กว่า 200,000 ตัว มีสมาชิกสหกรณ์ส่งน้ำนมดิบในการผลิตน้ำนมส่งไปยังสหกรณ์ทั่วประเทศกว่า 874 ตันต่อวัน ส่วนพื้นที่ภาคกลาง มีสหกรณ์โคนมที่ส่งน้ำนมดิบมากที่สุด จำนวน 15 สหกรณ์ มีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม 2,380 ราย และมีโคนม 65,863 ตัว ส่วน ปัจจุบัน มีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจากทั่วประเทศ จำนวน 11,993 ครอบครัว จำนวนโคนมที่เลี้ยง 427,311 ตัว ทำให้เกษตรกรบางรายวิตกกังวลการแพร่ระบาดไวรัสดังกล่าวที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทราบดีถึง สภาวะวิกฤตดังกล่าว ได้กำชับกรมปศุสัตว์ พร้อมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวัง พร้อมทั้งหาแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสดังกล่าว ไม่ให้มีการแพร่กระจายไปในพื้นที่ที่ไม่พบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวนี้เพื่อเป็นการควบคุมโรคไม่ให้แพร่กระจายในโคนม ซึ่งถือเป็นสัตว์เศรษฐ์กิจสำคัญของประเทศ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบ อุปกรณ์พร้อม ยาเวชภัณฑ์ จำนวน 75 ชุด ประกอบด้วย เครื่องพ่นยา 75 เครื่อง น้ำยา ชุด PPE อีก 75 ชุด


จากนั้นคณะรัฐมนตรีว่าช่วยการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางไปยังณัฏฐ์ ฟาร์มเลี้ยงวัวของเกษตรการผู้เลี้ยงโคนม ในพื้นที่หมู่ 2 ตำบลมวกเหล็ก เพื่อตรวจเยี่ยม พร้อมทั้งตรวจสอบด้านสุขลักษณะ ความสะอาด รวมถึงความแออัดของโคนมภายในคอก

นส.มนัญญา เผยอีกว่า หลังจากทราบกรณีเชื้อไวรัสลัมปีสกิน (LUMPY Skin Disease) แพร่ระบาดในพื้นที่ต่างๆ ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบในพื้นที่ที่พบการแพร่ระบาด รวมถึงการควบคุมการแพร่ระบาดดังกล่าว ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่พบการแพร่ระบาด อย่างเช่น พื้นที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี โดยได้สั่งการปศุสัตว์จังหวัดเข้า ตรวจสอบ พร้อมวางมาตรการป้องกันในพื้นที่ 100% เพื่อไม่ให้เชื้อไวรัสดังกล่าวแพร่ระบาดมายังพื้นที่ได้

แต่หากพบการแพร่ระบาดให้รีบควบคุมไม่ให้ แพร่กระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ โดยด่วน เพื่อเป็นการป้องกันในระดับหนึ่ง ส่วนวัคซีนป้องกัน ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเร่งรัดจัดเตรียมมอบให้เกษตรกรในพื้นที่ ต่างๆ ที่ยังไม่พบเชื้อไวรัส เพื่อเป็นมาตรการป้องกัน ส่วนพาหะของเชื้อดังกล่าวมาจากแมลงมีปีก ที่กัดสัตว์ที่ติดเชื้อไวรัส และบินไปกัดสัตว์อื่นๆ ทำให้ติดเชื้อนั้น ซึ่งขอให้เกษตรกรหมั่นทำความสะอาดคอกโคนม


พร้อมทั้งดูแลด้านความสะอาดไม่ให้เกิดการหมักหมม ก่อให้เกิดสิ่งสกปรก และเชื้อโรค รวมไปถึงพยายามตรวจสอบโคนมที่เลี้ยงไว้ หากพบสิ่งผิดปกติให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ เพื่อเป็นการป้องกันในช่วงนี้ เพื่อรอวัคซีนที่กำลัง จะเตรียมมอบให้เกษตรกรนำมาฉีดเพื่อป้องกันไวรัสลัมปีสกิน (LUMPY Skin Disease) ต่อไป

นายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวว่า ปัจจุบัน อ.ส.ค. มีสหกรณ์และศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบในเขตพื้นที่ส่งเสริมของ อ.ส.ค.ทุกภูมิภาคจำนวน 52 แห่ง ปริมาณน้ำนมดิบ แยกเป็นพื้นที่ภาคกลาง จำนวน 15 สหกรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 สหกรณ์ ภาคใต้ 8 สหกรณ์ ภาคเหนือตอนบน (เชียงใหม่) 3 สหกรณ์ และภาคเหนือตอนล่าง (สุโขทัย) จำนวน 16 สหกรณ์ ซึ่งทั้งหมดจะส่งน้ำนมดิบสำหรับป้อนกำลังผลิตผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คเพื่อจำน่ายในรูปแบบนมพาณิชย์และนมโรงเรียนประมาณวันละ 600-800 ตัน/วัน 

ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคลัมปีสกิน ที่ส่งผลกระทบอยู่ในขณะนี้ ทำให้ อ.ส.ค. กำชับเจ้าหน้าที่กวดขันและเฝ้าระวังโรคอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเข้ามาในพื้นที่การเลี้ยงโคนมของ อ.ส.ค.อย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้สร้างความเสียหายต่อเกษตรกรและอุตสาหกรรมนมของประเทศ รวมทั้งกระทบต่อธุรกิจอุตสาหกรรมโคนมของ อ.ส.ค. ในอนาคต




กำลังโหลดความคิดเห็น