xs
xsm
sm
md
lg

เชียงใหม่เน้นย้ำห้ามผ่อนมาตรการป้องกันโควิด-19 แม้เจอติดเชื้อใหม่แค่ 3 รายต่ำสุดของการระบาดระลอกนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ิ- ศูนย์โควิด-19 เชียงใหม่แถลงพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันแค่ 3 ราย ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดระลอกนี้ อย่างไรก็ตาม เน้นย้ำทุกคนร่วมมือปฏิบัติมาตรการป้องกันเคร่งครัดต่อเนื่องจนกว่าทุกอย่างกลับคืนภาวะปกติ โดยการฉีดวัคซีนครอบคลุม 70%


เย็นวันนี้ (21 พ.ค. 64) ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ แถลงสถานการณ์การระบาดของโรค Covid-19 ระลอกเดือนเมษายนจังหวัดเชียงใหม่ประจำวัน โดย ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า วันนี้จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 3 ราย ซึ่งถือว่าต่ำสุดตั้งแต่เริ่มมีการระบาดมานับจากต้นเดือนเมษายน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 4,036 ราย รักษาหายแล้ว 3,636 ราย คิดเป็นร้อยละ 90 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด และยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทุกประเภทจำนวน 381 ราย

ทั้งนี้ แยกเป็นรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสนาม 251 ราย โรงพยาบาลรัฐ 102 ราย และโรงพยาบาลเอกชน 28 ราย ในจำนวนนี้แยกเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย (สีเขียว) 295 ราย อาการปานกลาง (สีเหลือง) 55 ราย อาการค่อนข้างหนัก (สีส้ม) 23 ราย และผู้ป่วยอาการหนัก (สีแดง) 8 ราย สำหรับวันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 19 ราย โดยรายละเอียดของผู้เสียชีวิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ได้แจ้งรายละเอียดของผู้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อวานนี้

สำหรับการตรวจกลุ่มเสี่ยงและผู้สัมผัส พบผลบวกลดลงเช่นกัน โดยเมื่อวานนี้ได้ทำการตรวจหาเชื้อไปทั้งหมด 1,112 ราย พบผู้มีผลบวกเพียงร้อยละ 0.36 ซึ่งลดลงเยอะมาก และเมื่อแยกตามหน่วยตรวจแล้ว พบว่าโรงพยาบาลเอกชนมีการตรวจพบผู้มีผลบวกสูงสุด ร้อยละ 8.07 ส่วนโรงพยาบาลของรัฐ พบผู้มีผลบวกรองลงมาร้อยละ 7.37 ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงหลักยังคงเป็นเช่นเดิม คือการติดเชื้อจากการสัมผัสในครอบครัวยังมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่วนการสัมผัสในสถานที่ทำงานยังคงพบอยู่จำนวนหนึ่งไม่มากนัก และการสัมผัสในชุมชน สถานบันเทิง และการนำเข้าจากต่างจังหวัดไม่พบผู้ติดเชื้อมาหลายวันแล้ว


ด้านทีมตรวจคัดกรองเชิงรุก วันนี้ทีมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ออกตรวจที่ที่ทำการไปรษณีย์เชียงใหม่ 197 ราย ซึ่งจะทราบผลในวันพรุ่งนี้ ส่วนเมื่อวานนี้ทีมตรวจคัดกรองซึ่งเป็นทีมร่วมของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกตรวจเชิงรุกในกลุ่มลูกจ้างประกันสังคมที่บริษัทลานนาการเกษตรและอุตสาหกรรม อำเภอสารภี จำนวน 198 ราย พบผลเป็นลบทั้งหมด

ขณะที่คลัสเตอร์ต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ วันนี้ไม่มีคลัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้น แต่ยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ 1 คลัสเตอร์ คือ คลัสเตอร์บ้านแพะ ตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง แต่ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่เขตอำเภอเมือง มีการสัมผัสกันระหว่างเพื่อนที่ทำงานร่วมกัน ซึ่งคลัสเตอร์นี้มีผู้ติดเชื้อรวมกันทั้งหมด 11 ราย โดยทำการค้นหาผู้สัมผัสทั้งหมด 201 ราย แยกเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 104 ราย และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 97 ราย ซึ่งผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำพบผลเป็นลบทั้งหมด ทั้งนี้ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่มีผลลบยังคงต้องกักตัวต่ออีกจนครบ 14 วัน โดยจะมีการตรวจหาเชื้ออีกครั้งเมื่อครบกำหนด และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำต้องสังเกตอาการตัวเองจนครบ 14 วัน

อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้นและผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง แต่ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ยังต้องขอให้ประชาชนต้องป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด จนกว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ของประชากรทั้งหมด สำหรับยอดการจองวัคซีนโควิด-19 ของชาวเชียงใหม่ขณะนี้อยู่ที่ 141,635 ราย สำหรับผู้ที่ยังไม่ลงทะเบียนจองฉีดวัคซีน สามารถลงทะเบียนได้ 2 ช่องทาง ทั้งการจองผ่านแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” หรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน รพ.สต. หรือแจ้งที่ อสม.ในพื้นที่


ด้านนายกนก ศรีวิชัยนันท์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตามที่จังหวัดเชียงใหม่ได้อนุญาตให้มีการเปิดให้รับประทานอาหารในร้านได้แล้วนั้น ต้องขอความร่วมมือผู้ประกอบการร้านค้าทุกแห่ง ในการเน้นย้ำอนามัยสิ่งแวดล้อม การป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งมาตรการหลักยังคงเป็นเรื่องของการคัดกรองอุณหภูมิ การตั้งจุดล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ การทำความสะอาดจุดสัมผัสสม่ำเสมอ และการเว้นระยะห่างระหว่างโต๊ะในระหว่างรับประทานอาหารอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มีการรักษาระยะห่างอย่างแท้จริง

ส่วนการที่จังหวัดเชียงใหม่มีการควบคุมการเข้า-ออกในพื้นที่ 5 ตำบลที่พบการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อน หรือคลัสเตอร์ คือ ตำบลทุ่งต้อม อำเภอสันป่าตอง, ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว, ตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด, ตำบลยางเปียง อำเภออมก๋อย และตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง นั้น ทางหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคเอกชนและประชาชนต่างร่วมกันให้ความช่วยเหลือมอบสิ่งของอุปโภค บริโภคและสิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันให้ชาวบ้านในพื้นที่สามารถอยู่ได้อย่างดีจนกว่าสถานการณ์จะปกติ








กำลังโหลดความคิดเห็น