บุรีรัมย์ - เมียอุ้มท้อง 7 เดือนชาว อ.คูเมือง บุรีรัมย์ ประกาศตามหาสามีหายตัวปริศนานาน 5 วัน ขณะนั่งรถทัวร์จาก กทม.กลับบ้าน เผยข้อความแชตสุดท้ายก่อนหายตัวลักษณะตัดพ้อ “ไม่กลับแล้ว บอกลูกด้วย ดูแลลูกดีๆ” หวั่นสามีคิดสั้นหรือเป็นอันตราย ทั้งแจ้งความ โพสต์เฟซฯ และให้กู้ภัยฯ ช่วยตามแต่ยังไร้วี่แวว
วันนี้ (21 พ.ค.) น.ส.สุธิมาส จำปามูล หรือ ต่าย อายุ 26 ปี ชาว อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองได้ 7 เดือน ได้นำรูปถ่ายสามี พร้อมข้อความสนทนาผ่านไลน์ และตั๋วรถทัวร์ หรือรถโดยสารประจำทางที่สามีส่งมาให้ก่อนขึ้นรถทัวร์เพื่อเดินทางกลับบ้านที่ จ.บุรีรัมย์ มาให้สื่อช่วยประกาศตามหา นายวรากร ศรีหะ หรือหวอ อายุ 29 ปี สามี หลังจากหายตัวไปอย่างปริศนา ขณะนั่งรถทัวร์จากกรุงเทพฯ จะเดินทางกลับบ้านที่ จ.บุรีรัมย์ ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 5 วันแล้ว แต่ยังกลับไม่ถึงบ้าน โทรศัพท์มือถือก็ไม่สามารถติดต่อได้ ไลน์ก็ไม่ตอบ กลัวจะเป็นอันตราย
น.ส.สุธิมาส ภรรยา เล่าว่า นายวรากร สามีได้เดินทางไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯ เมื่อประมาณเดือน ก.พ. 2563 กลับมาเยี่ยมบ้านช่วงเดือน ธ.ค. 2563 หลังจากนั้นไม่ได้กลับมาอีกเพราะติดโควิด แต่ก็โทร.และแชตติดต่อหากันเรื่อยๆ แต่ระยะหลังเวลาที่คุยกับสามีน้ำเสียงเหมือนคนมีปัญหาอะไรสักอย่าง แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยพูดจึงไม่ระบายให้ใครฟัง ตนเลยบอกสามีว่าถ้ามีปัญหาไม่สบายใจก็ให้กลับมาหางานทำที่บ้านเรา
กระทั่งเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 09.53 น. สามีก็ถ่ายรูปตั๋วรถทัวร์ส่งมาให้ดูทางไลน์ว่าได้ซื้อตั๋วแล้วกำลังรอขึ้นรถที่สถานีขนส่งผู้โดยสารรังสิต จากนั้นช่วง 10-11 โมงเช้ายังแชตคุยถามไถ่ปกติ ทั้งคุยกันเรื่องว่าถ้ามาถึงแล้วต้องกักตัว 14 วัน ถ้าไม่กักต้องไปตรวจหาเชื้อโควิดที่ รพ. ก็แชตโต้ตอบกันไปมาเรื่องตรวจโควิดตามมาตรการของผู้ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด กระทั่งเวลา 12.15 น. สามีส่งข้อความมาว่า “กูบ่ปัยแล้ว บอกอิมู่นำ ดูแลลูกดีๆ” ก็งงว่าทำไมสามีถึงส่งข้อความแบบนั้น ตนก็แชตกลับไปถามว่าเป็นอะไร แต่สามีก็ไม่เปิดอ่านไลน์หรือส่งข้อความกลับมาอีก โทร.ไปก็ไม่รับสาย หลังจากนั้นก็ติดต่อสามีไม่ได้อีกเลย
กระทั่งวันที่ 16 พ.ค. ยังไม่เห็นสามีกลับมาถึงบ้าน โทร ไปถามที่บ้านตายาย หรือบ้านพ่อแม่ของสามีบอกว่าไม่เห็น จึงพยายามโทร.ติดต่อสามีอีกครั้งก็ติดต่อไม่ได้ ด้วยความเป็นห่วงเพราะสามีน่าจะมาถึงบ้านแล้ว จึงโทร.ไปถามหัวหน้าที่สามีทำงานอยู่ และเพื่อนที่สนิทสนมกันไม่มีใครเห็นนายวรากรเลย รู้สึกเป็นห่วงและใจคอไม่ดี กลัวสามีจะได้รับอันตราย เพราะไม่รู้ว่าสามีหายไปไหนไปกับใคร หรือมีปัญหาอะไรหรือไม่
แต่พอเข้าไปดูที่เฟซบุ๊กของสามี พบว่าเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ก่อนสามีจะเดินทาง 1 วัน สามียังโพสต์เฟซบุ๊กข้อความว่า “กลับไปเติมกำลังที่บ้านเฮา#พักกายพักจัย# พร้อมอัปรูปของลูกสาวคนโตวัย 4 ขวบด้วย อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ใหม่ พร้อมระบุข้อความว่า “ไร้ค่าไร้ตัวตน” ซึ่งเป็นข้อความในลักษณะตัดพ้อ แต่ตนก็ไม่รู้ว่าสามีเป็นอะไรกับใครหรือน้อยใจใคร แต่ยืนยันว่าส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน
เบื้องต้นทางครอบครัวได้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สตึกไว้แล้ว พร้อมทั้งได้โพสต์เฟซบุ๊กประกาศตามหาผ่านโซเชียลมีเดีย และให้กู้ภัยช่วยตามหา แต่ยังไร้วี่แววของสามี แต่มีคนขับรถทัวร์คันที่สามีนั่งเห็นโพสต์แล้วโทร.ติดต่อมาบอกว่า สามีของตนได้นั่งรถทัวร์ตามที่ซื้อตั๋วมาจริง แต่ได้ขอลงรถระหว่างทางที่บริเวณลำตะคอง จ.นครราชสีมา ซึ่งคนขับรถถามว่าทำไมไม่ไปลงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารที่โคราช แต่สามีตนยืนยันว่าจะลงตรงนี้ซึ่งไม่มีใครรู้เหตุผล ตนเป็นห่วงสามีมากอยากวิงวอนให้ผู้ที่พบเห็นสามีของตนช่วยแจ้งเบาะแสมาที่ สภ.สตึก หรือเบอร์โทรศัพท์ของตนได้ที่ 09-4819-8544