นครราชสีมา - ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่โคราชยังพุ่งไม่หยุด ล่าสุดติดเชื้อเพิ่ม 34 รายใน 32 อำเภอ จ่อแจ้งจับผู้ป่วยยูกันดา-เมียปกปิดไทม์ไลน์ เร่งค้นหาเชิงรุก ตัดวงจรการระบาด
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (2 พ.ค.) ที่ห้องประชุมสำนักงานการกีฬาและท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ตอบโต้โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา พร้อม นายแพทย์ วิญญู จันทร์เนตร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นครราชสีมา และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในฐานะคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา ร่วมประชุมครั้งที่ 66/2564 ในระเบียบวาระการดำเนินมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุม การแพร่ระบาดโรคติดต่อในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา การติดตามผลการดำเนินงานตามมาตรการและข้อสั่งการของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ
นพ.วิญญู รอง สสจ.นครราชสีมา ชี้แจงว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ 32 อำเภอ พบผู้ป่วยระลอกใหม่ 34 ราย ในพื้นที่ อ.เมือง 14 ราย อ.สีคิ้ว 1 ราย อ.ด่านขุนทด 3 ราย อ.ปากช่อง 8 ราย อ.ครบุรี 1 ราย อ.บัวใหญ่ 2 ราย อ.โชคชัย 1 ราย อ.คง 1 ราย อ.ปักธงชัย 1 ราย อ.ประทาย 1 ราย และ อ.แก้งสนามนาง 1 ราย รวมสะสม 631 ราย เสียชีวิต 1 รายและรักษาหาย 202 ราย
การดำเนินการค้นหาเชิงรุกเพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาด โดยรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทานจำนวน 2 คัน ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา อ.สีคิ้ว อ.สูงเนิน อ.ด่านขุนทด อ.บัวใหญ่ อ.วังน้ำเขียวและ อ.ประทาย มีจำนวนการตรวจคัดกรอง 10,935 ราย ติดเชื้อสะสม 26 ราย
นายวิเชียร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ได้สั่งการให้สอบข้อเท็จจริงผู้ป่วยรายที่ 579 ชายสัญชาติยูกันดา อายุ 32 ปี และผู้ป่วยรายที่ 580 หญิง อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นภรรยา ทั้ง 2 คนเป็นผู้เสี่ยงสูงแต่ไม่ยอมกักตัวเอง
จากไทม์ไลน์พบว่าวันที่ 16-23 เม.ย. สามีภรรยาพักอาศัยอยู่ที่บ้านเขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ วันที่ 24 เม.ย. เดินทางไปพบปะกับครอบครัวพี่ชายของผู้ป่วยรายที่ 579 เขตรามอินทรา กรุงเทพฯ โดยมีกิจกรรมทางสังคมร่วมกัน
ต่อมารับแจ้งจากญาติที่ร่วมงานรวม 3 รายติดเชื้อ และเดินทางไปรักษาที่ จ.ฉะเชิงเทรา วันที่ 28 เม.ย.ผู้ป่วยรายที่ 580 มีอาการไข้และไอ จึงตัดสินใจเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวมาขอตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลเสิงสาง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 29 เม.ย. บุคลากรทางการแพทย์พบสิ่งผิดปกติจึงป้องกันการติดเชื้อ
“กรณีดังกล่าวหากมีเจตนาปกปิดไทม์ไลน์จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและการป้องกันการแพร่เชื้ออย่างมีประสิทธิภาพ โดยขอความร่วมมือให้งดออกจากบ้านตั้งแต่เวลา 23.00-04.00 น.”