เชียงใหม่ - ผู้ป่วยโควิด-19 เชียงใหม่หอบหิ้วเสื้อผ้าข้าวของทยอยออกโรงพยาบาลหลังรักษาหายยอดรวม 222 ราย ขณะที่ผู้ติดเชื้อใหม่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนท.ต้องเร่งลุยตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชนและครอบครัวที่พบระบาดมากขึ้น เพื่อนำเข้าสู่ระบบรักษาสกัดแพร่เชื้อเพิ่ม
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ช่วงบ่ายวันนี้ (22 เม.ย. 64) ที่โรงพยาบาลสนามจังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา กลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ในการระบาดระลอกเดือนเมษายน 64 ที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลสนามจนหายแล้วจำนวนหลายสิบคน ได้รับอนุญาตจากแพทย์ให้กลับบ้าน โดยมีทั้งที่ครอบครัวหรือเพื่อนฝูงมารับและเดินทางกลับด้วยตัวเอง ขณะเดียวกัน พบว่ามีผู้ป่วยรายใหม่เข้ารายงานตัวเพื่อรักษาตัวในโรงพยาบาลสนาม และผู้สัมผัสเสี่ยงเข้ารับการตรวจคัดกรองหาเชื้อในจุดที่จัดไว้ให้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน
วันนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่รายงานว่า วันนี้จังหวัดเชียงใหม่ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มอีก 237 ราย นับรวมเป็น 2,819 รายของการระบาดรอบใหม่แล้ว โดยขณะนี้มีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทั้งสิ้น 2,597 ราย และรักษาหายพร้อมให้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว 222 ราย ขณะที่กลุ่มเสี่ยงที่ได้รับการตรวจไปแล้วมีทั้งสิ้นกว่า 36,000 ราย ซึ่งจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นในวันนี้ถือเป็นการกลับมาเพิ่มอย่างพุ่งพรวดหลังจากที่วานนี้เพิ่มเพียง 99 ราย จากก่อนหน้าที่เพิ่มจำนวนหลักร้อยต่อเนื่องกัน 12 วัน และมากที่สุด 281 ราย ในวันที่ 11 เม.ย. 64
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทางจังหวัดเชียงใหม่ได้เร่งส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและรถตรวจชีวนิรภัยพระราชทานออกตรวจหาเชื้อเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงสัมผัสในชุมชนต่างๆ ทั่วจังหวัดเชียงใหม่เพื่อคัดกรองผู้ติดเชื้อให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากคาดการณ์ว่าผู้ป่วยในคลัสเตอร์สถานบันเทิงเชียงใหม่น่าจะเข้าสู่กระบวนการรักษาได้เกือบหมดแล้ว แต่เวลานี้น่าจะเป็นการติดเชื้อในครอบครัวหรือชุมชนโดยไม่รู้ตัวและไม่มีอาการ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีไทม์ไลน์ตรวจพบผู้ป่วยรายใหม่ เช่น ชุมชนเคหะหนองหอย, ศาลากลาง, ตลาดประตูเชียงใหม่, ตลาดวโรรส, ตลาดแม่คือ, อุทยานหลวงราชพฤกษ์ มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา เป็นต้น โดยขณะนี้ยังคงมีจุดตรวจหาเชื้อหลักอยู่ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ 7 รอบพระชนมพรรษาด้วย
สำหรับผู้ป่วยที่ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วนั้น แนวทางการปฏิบัติตัวเมื่อกลับบ้านแล้ว แม้จะไม่จําเป็นต้องกักตัวเองเพียงลำพัง แต่ขอให้เว้นระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อต้องพบปะอยู่ร่วมกับผู้อื่น ยังคงต้องล้างมือเป็นประจำ รวมทั้งก่อนและหลังสัมผัสจุดเสี่ยงที่มีผู้อื่นในบ้านใช้ร่วมกัน เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได เป็นต้น ไม่ใช้อุปกรณ์รับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจเพราะเป็นผู้ที่ติดเชื้อได้ง่าย หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด การเดินทางไปที่สาธารณะเป็นเวลา 14 วัน ที่สำคัญคือ ต้องให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่เพื่อติดตามอาการหลังออกจากโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง หากมีอาการไข้สูง ไอมาก เหนื่อย แน่นหน้าอก หอบ หายใจไม่สะดวก เบื่ออาหาร ให้รีบติดต่อสถานพยาบาลทันที
