อุทัยธานี - แห่แชร์-ชื่นชมโรงเรียนบ้านเพชรน้ำผึ้ง เมืองอุทัยกันทั่ว..หลังโชว์ผลงานจัดเมนูเหลาเป็นอาหารกลางวันเด็กจนฮือฮามาแล้ว ล่าสุดทำโครงการสร้างวินัยการออมให้ศิษย์ตั้งแต่อนุบาล 1 พอจบ ป.6 มีทุนเรียนต่อ ม.1 เรือนหมื่นทุกคน
ขณะนี้ผู้คนในโลกโซเชียลฯ ต่างพากันแชร์ชื่นชม..ครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านเพชรน้ำผึ้ง หมู่ที่ 3 ต.ลานสัก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ที่โพสต์โชว์ยอดเงินฝากของเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ทั้งชั้นเรียนมีอยู่เพียง 13 คน แต่กลับอดออมกันวันละ 10-20 บาท จนมียอดเงินฝากรวมกันแล้วมากถึง 216,905 บาท
ส่วนใหญ่ต่างชื่นชมความเก่งในการรู้จักอดออมของน้องๆ นักเรียน และการบริหารจัดการที่ดีของครูโรงเรียนนี้ ที่ส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กรู้จักรักการออมได้เป็นอย่างดีและมีวินัย เพราะสื่อให้เห็นถึงคุณค่าของการออม การเห็นคุณค่าของเงินบาทที่อดออมจากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน กลายเป็นเงินหมื่นก้อนแรกที่แสนภาคภูมิใจของนักเรียนชั้นประถมในวันจบการศึกษา
“โรงเรียนบ้านเพชรน้ำผึ้ง” เป็นโรงเรียนประถมศึกษาที่เคยโด่งดังในเรื่องของเมนูอาหารกลางวันสุดหรูของเด็กๆ ที่มีทั้ง แฮมเบอร์เกอร์ สเต๊ก พิซซา และอีกหลากหลายเมนู ที่แม่ครัวและคุณครูช่วยกันใช้งบประมาณหลักมาจากเงินรายหัวที่รัฐบาลให้มาเท่ากับทุกโรงเรียน รังสรรค์ออกมาจนได้เมนูแบบที่ต้องไปกินที่ร้านอาหารเท่านั้น
และคราวนี้..โรงเรียนบ้านเพชรน้ำผึ้งก็โชว์อีกหนึ่งผลงานความสำเร็จของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่จบการศึกษาจากโรงเรียนแห่งนี้ไปทุกคนมีเงินทุนตั้งต้นในการเรียนต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ช่วยให้พ่อแม่ผู้ปกครองหมดห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ต้องตามมาในฤดูกาลเปิดภาคเรียนสู่ชั้นมัธยม ที่อย่างต่ำต่อรายต้องมีค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 5,000-10,000 บาทขึ้นไปแน่นอน
ครูปัทมาพร นพรัตน์ หนึ่งในครูผู้ดูแลการรับเงินฝากเด็กๆ เล่าว่า โครงการออมทรัพย์นี้เป็นโครงการที่ทางโรงเรียนจัดทำกันมาต่อเนื่องยาวนาน ให้นักเรียนทุกคนเริ่มออมเงินฝากกันตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 ซึ่งจะเริ่มออมกันตั้งแต่ 5 บาท 10 บาท เรื่อยมาจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่จะเริ่มมีเงินค่าขนมเพิ่มขึ้นกันที่ 20-50 บาท แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 20 บาท
โดยทุกเช้าเด็กจะนำเงินมาฝากพร้อมกันในช่วงเช็กรายชื่อเข้าเรียนชั่วโมงแรกเต็มยอดกันทุกคน เนื่องจากที่โรงเรียนไม่มีร้านค้าไม่มีสหกรณ์ เพราะอยากให้เด็กได้รับสารอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อช่วงวัย ลดการปฏิเสธอาหารกลางวัน ไม่กินอาหารทิ้งขว้างเห็นคุณค่าของอาหาร จึงไม่มีที่ให้เด็กๆ ใช้เงินค่าขนมที่พ่อแม่ให้มา นำไปสู่การสร้างวินัยรักการออมด้วย
“เงินของนักเรียนทุกคนจะแยกเป็นสมุดบัญชีเงินฝากส่วนตัวและรวมกันนำไปฝากทุกเดือนกับทางสหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุทัยธานี ซึ่งแต่ละปีก็จะได้รับเงินปันผลและดอกเบี้ยอีกด้วย รวมทั้งแต่ละปีที่โรงเรียนจะมีทุนการศึกษาเข้ามาอยู่ตลอด จากผู้ใหญ่ใจดีที่นำมามอบแก่เด็กๆ 500 บ้าง 1,000 บ้าง เด็กคนไหนได้รับเงินทุนการศึกษา ทางโรงเรียนจะแจ้งให้ผู้ปกครองได้ทราบ ก่อนนำไปฝากเข้าบัญชีให้แก่นักเรียนรวมกับเงินเก็บออมรายวัน”
ครูปัทมาพรย้ำด้วยว่า เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านเพชรน้ำผึ้งทุกคนไม่ต้องรบกวนค่าใช้จ่ายในการเรียนจากผู้ปกครองเลยสักบาท ไม่ว่าจะเป็นชุดนักเรียน ถุงเท้า รองเท้า กระเป๋าอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ทางโรงเรียนจัดหามาให้เด็กทั้งหมด ผู้ปกครองมีค่าใช้จ่ายทั้งปีเพียง 199 บาท คือเงินทำประกันให้เด็กๆ
และเมื่อเด็กจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนก็จะทำการรวมยอดเงินและเบิกเงินทั้งหมดที่แต่ละคนเก็บออมได้มาส่งมอบคืนให้นักเรียนพร้อมกับผู้ปกครอง ซึ่งแต่ละรายมีเงินกลับไปตั้งแต่หลักพันบาท (นักเรียนใหม่) จนถึงหลักหมื่น สูงสุดคือ 48,470 บาท เรียกได้ว่าเงินก้อนนี้จะสามารถช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ปกครองในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ได้เป็นอย่างมาก
“เมื่อพวกเขาต้องย้ายไปศึกษาเล่าเรียนที่อื่น เราไม่สามารถช่วยเหลือดูแลพวกเขาได้แล้ว มีเพียงเงินก้อนนี้เท่านั้นที่จะสามารถช่วยให้พวกเขาไปเริ่มต้นในโรงเรียนใหม่ได้” ครูปัทมาพรกล่าว
ด้านผู้ปกครองซึ่งมีทั้งพ่อ แม่ รวมทั้งปู่ ย่า ตา ยาย ที่ทำหน้าที่เลี้ยงดูบุตรหลานแทนพ่อแม่เด็ก ที่พากันเดินทางมารับเงินออมของบุตรหลานตัวเองกันด้วยสีหน้าที่ชื่นใจและมีความสุข กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ดีใจที่โรงเรียนมีโครงการแบบนี้ เพราะเงินก้อนนี้สามารถช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวไปได้มาก ไม่ต้องกังวลค่าใช้จ่ายในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ต้องซื้ออุปกรณ์การเรียนใหม่ทั้งหมด
โดยจะนำเงินที่ได้มาก้อนนี้ฝากไว้เป็นทุกการศึกษาจ่ายค่าข้าวค่าขนมรายวัน ตลอดจนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมต่างๆ ระหว่างการเรียน ซึ่งในช่วงเศรษฐกิจเช่นนี้ได้เงินช่วยก้อนนี้แบ่งเบาไปได้เยอะมากจริงๆ และอยากให้มีโครงการนี้ตลอดไป
ส่วนเด็กๆ ทุกคนต่างก็ภาคภูมิใจที่ตนเองมีเงินทุนการศึกษาก้อนแรกให้พ่อแม่ได้ชื่นใจ โดยทุกคนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ขอบคุณคุณครูที่ช่วยสอนให้รู้จักการออม และแม้จะออกไปศึกษาที่โรงเรียนแห่งใหม่ก็จะทำแบบนี้ตลอดไป