นครพนม-พ่อเมืองนครพนม เอาจริง!! สั่งเอาผิดชาวบ้านใน อ.บ้านแพง เย้ยกฎหมายจัดรถแห่แห่เปิดเพลงทั้งเต้นทั้งดื่มสนุกสนานฉลองสงกรานต์(15เม.ย.) ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดเสี่ยงติดต่อโรคโควิดระบาด มีคลิปวีดีโอเป็นหลักฐานชัดเจน ล่าสุดแจ้งข้อหาแล้ว 2 คนเป็นผู้ใหญ่บ้านกับคนขับรถแห่ ส่วนชาวบ้านที่เหลือจะถูกแจ้งข้อหาผิด พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯด้วยเช่นกัน
จากกรณีมีกลุ่มชาวบ้าน นำภาพบรรยากาศการเล่นน้ำสงกรานต์ เปิดรถแห่จัดงานรื่นเริงเล่นน้ำสงกรานต์ ออกมาเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียล และช่องทางยูทูป เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดนครพนม เกี่ยวกับ มาตรการควบคุมโรคติดต่อช่วงโควิดระบาด รวมถึง พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และเป็นการเย้ยกฎหมาย
ล่าสุดนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้ สั่งการให้ ทาง อำเภอบ้านแพง ตรวจสอบ ข้อเท็จจริง พบว่า เป็นการจัดงานขึ้นในพื้นที่ บ้านพืชผล หมู่ 5 ต.นางัว อ.บ้านแพง จ.นครพนม โดยมีหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอชัดเจน มีการรวมตัวเปิดเครื่องเสียงรถแห่ จัดงานสงกรานต์รื่นเริง สนุกสนาน มากกกว่า 50 คน จึงได้มอบหมายให้ทางตำรวจ ร่วมกับ ฝ่ายปกครอง และ เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ สอบสวนเอาผิด ตามกฎหมาย
เบื้องต้นจากการตรวจสอบ พบว่า นายมีชัย เลิศสกุลไพบูลย์ อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 บ้านพืชผล ต.นางัว อ.บ้านแพง จ.นครพนม และยังมีตำแหน่งรักษาการกำนันตำบลนางัว ร่วมวงในการจัดกิจกรรมรื่นเริงด้วย จึงได้สั่งให้ดำเนินคดี รวมถึงสอบสวนเอาผิดทางวินัย รวมถึงชาวบ้านที่เกี่ยวข้อง และนำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สอบสวนควบคุมโรค สำหรับยอดผู้ป่วยโควิด สะสมของ จ.นครพนม ล่าสุดอยู่ที่ 26 ราย
ล่าสุดทางด้าน พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ จันทร์ศรี ผกก.สภ.บ้านแพง เปิดเผยว่า หลังได้รับคำสั่งจากทางจังหวัดให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบหลักฐานความผิดชัดเจนจากคลิปวีดีโอที่มีการเผยแพร่ เป็นการกระทำผิดเย้ยกฎหมายขัดคำสั่งจังหวัดนครพนม เกี่ยวกับการควบคุมโรคระบาด เบื้องต้นได้มีการตรวจสอบ เรียกผู้กระทำผิดมาแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว 2 ราย คือ นายมีชัย เลิศสกุลไพบูลย์ อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 บ้านพืชผล ต.นางัว อ.บ้านแพง และยังมีตำแหน่งรักษาการกำนันตำบลนางัว และนายชัยวัฒน์ สาสอน อายุ 35 ปี คนขับรถแห่
โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 รายทั้งผู้ใหญ่บ้านและคนขับรถแห่ได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558 เป็นที่เรียบร้อย ส่วนบุคคลที่เหลือยู่ระหว่างการดำเนินการ เพื่อรวบรวมหลักฐานสอบสวน สรุปสำนวนส่งฟ้องศาลจังหวัดนครพนม ตามขั้นตอนตามกฎหมาย มีอัตราโทษสูงสุด ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
