ลพบุรี - เจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดลพบุรีใช้เวลา 10 วัน จับแก๊งปลอมตัวและเอกสาร ทางโทรศัพท์ ถอนเงินเจ้าทุกข์จากธนาคาร 4 ครั้ง 8 ล้านบาท ก่อนรับสารภาพร่วมกับพวกอีกหลายคน ตร.เตรียมออกหมายจับเพื่อนร่วมขบวนการอีกเพียบ
วันนี้ (30 มี.ค.) พล.ต.ต.ภัลลพ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.ลพบุรี ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนกรณีเมื่อวันที่ 18 มี.ค.64 ที่ นางปราณี เปลี่ยนชัย อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102/4 ต.ท่าแค อ.เมืองลพบุรี ทำธุรกิจซื้อขายยางรถยนต์และกระทะล้อรถยนต์ ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.วีระพันธ์ ชื่นชม รอง สว.สส.สภ.เมืองลพบุรี ว่าได้ถูกคนร้ายถอนเงินออกจากสมุดบัญชีเงินฝาก ธนาคารทหารไทย สาขาวงเวียนสระแก้ว เป็นจำนวน เงิน 8 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสืบสวน สภ.เมืองลพบุรี ได้ทำการลงพื้นที่ติดตาม จนกระทั่งมีการขอออกหมายจับจากศาลจังหวัดลพบุรี ทำการจับกุม นายพรเทพ เปลี่ยมไพบูลย์ อายุ 25 ปี นายรุ่งโรจน์ อ่อนละมัย อายุ 23 ปี น.ส.สุภาพรรณ แก้วทอง อายุ 23 ปี น.ส.สริศา เลิศเรืองฤทธิ์ อายุ 20 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดลพบุรี หมายจับเลขที่ 28-31/2564 ลงวันที่ 28 มี.ค.64 ซึ่งจับกุมตัวได้ที่ ต.ปากท่อ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี และแขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม.
พร้อมของกลางที่ยึดมาได้ ประกอบด้วย รถกระบะ 2 คัน รถเก๋ง 1 คัน ทองรูปพรรณ สร้อยคอ และสร้อยข้อมืออีกจำนวนหนึ่ง อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก พร้อมกระสุน 50 นัด โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีเงินฝากที่ไม่ใช่ของผู้ต้องหา สมุดบันทึกรายชื่อผู้เสียหายกว่า 10 ราย และใบมรณบัตรที่เตรียมการไว้เพื่อใช้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาทำการสอบสวน โดยทั้งหมดให้การรับสารภาพ
โดยนายพรเทพ เปลี่ยมไพบูลย์ ให้การว่า ตนเองได้รับเงินส่วนแบ่งในครั้งนี้เพียง 1 ล้านบาท ได้นำมาแบ่งกัน และนำไปซื้อทอง รถ และเที่ยวกิน ส่วนวิธีการที่ทำนั้นจะใช้วิธีปลอมตัว และเอกสารเป็นเจ้าของบัญชีที่ใช้ระบบโอนเงินทางโทรศัพท์ โดยการปลอมเป็นเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์ของเหยื่อ และแจ้งที่ สนง.โทรศัพท์มือว่า โทรศัพท์หาย ขอเปลี่ยนซิมใช้เบอร์เดิม หลังจากได้มาจะนำมาทำธุรกรรมทางการเงินทางโทรศัพท์ โดยการโอนเงินเข้าบัญชีที่เตรียมไว้ 4 ครั้งๆ ละ 2 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 16-18 มีนาคม 64
จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีกหลายคน ขณะนี้ทราบชื่อหมดแล้ว เตรียมออกหมายจับ คาดว่าน่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้ และแก๊งนี้น่าจะมีการกระทำแบบนี้หลายครั้งแล้ว หลังจากสอบปากคำเสร็จได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันฉ้อโกงด้วยการแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารทางราชการใช้เอกสารปลอม ร่วมกันทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อบุคลทั่วไปใช้เป็นประโยชน์ ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการต่อไป
น.ส.ปราณี เปลี่ยนชัย ผู้เสียหายได้นำกระเช้ามาแสดงความขอบคุณต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเปิดเผยว่า ตนเองมาทราบว่ามีเงินหายออกไปจากธนาคารในวันที่ 18 มี.ค.64 แต่ก่อนหน้านั้น โทรศัพท์ตนเองไม่สามารถใช้งานได้ จึงแจ้งไปยังสำนักงานโทรศัพท์มือถือ และแจ้งไปยังธนาคารให้อายัดบัญชี แต่มาทราบว่า เงินได้ถูกเบิกไป 8 ล้านบาทแล้ว ซึ่งหลังจากเกิดเหตุทางธนาคารได้โทร.มาแจ้งตนเองเพียงครั้งเดียวว่าธนาคารกำลังดำเนินการอยู่