กาญจนบุรี - อธิบดีกรมฯน้ำบาดาล ลงพื้นที่ตรวจราชการเพื่อรับมือสถานการณ์ภัยแล้ง ท้องที่ อ.เลาขวัญ อ.ห้วยกระเจา พร้อมแจกจ่ายแกลลอนน้ำ 5 และ 20 ลิตร 2,000 แกลลอน ให้ประชาชน
วันนี้ (26 มี.ค.) ที่ว่าการอำเภอเลาขวัญ จ.กาญจนบุรี นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการเพื่อรับมือสถานการณ์ภัยแล้ง พร้อมกับพบปะประชาชนที่ได้รับประโยชน์จากการดำเนินโครงการศึกษา สำรวจ และรูปแบบการพัฒนาน้ำบาดาลจากแหล่งกักเก็บในหินแข็งระดับลึก ในพื้นที่ธรณีวิทยาโครงสร้างซับซ้อน เพื่อหาแหล่งน้ำบาดาลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่แห้งแล้งซ้ำซาก พร้อมกับแจกจ่ายแกลลอนให้ตัวแทนประชาชนในพื้นที่อำเภอเลาขวัญ โดยมีทนงศักดิ์ ล้อชูสกุล ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 (สุพรรณบุรี) พร้อมเจ้าหน้าที่ รวมทั้งนายอำเภอเลาขวัญ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ให้การต้อนรับ
จากนั้นเวลา 15.00 น. คณะของนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้เดินทางไปพบปะพี่น้องประชาชนชาวตำบลห้วยกระเจา ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี พร้อมแจกจ่ายแกลลอนขนาด 5 และ 20 ลิตรให้แก่ประชาชน โดยมี น.ส.เบญจวรรณ ฟักแก้ว นายอำเภอห้วยกระเจา รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และประชาชนให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยภายหลังว่า วันนี้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล นำแกลลอนมามอบให้อำเภอเลาขวัญ และอำเภอห้วยกระเจา เพื่อนำไปเป็นภาชนะในการใส่น้ำเอาไว้สำหรับดื่ม บริเวณสถานที่ที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลจัดเตรียมเอาไว้คือ บริเวณบ่อบาดาลที่เราขุดเจาะเอาไว้และได้มีการจัดเตรียมน้ำเอาไว้เพื่อให้ประชาชนได้นำไปใช้ประโยชน์ ซึ่งวันนี้ได้นำแกลลอนขนาด 5 ลิตร และ 20 ลิตรมาแจกจ่ายให้ประชาชนบางส่วน สำหรับวันนี้เราแจกจ่ายไปแล้ว จำนวน 2,000 แกลลอน
ปัจจุบันนี้กรมทรัพยากรย้ำบาดาลไปดำเนินการขุดเจาะหาแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่อำเภอเลาขวัญและอำเภอห้วยกระเจา เพราะทั้ง 2 อำเภอเป็นพื้นที่ที่มีความแห้งแล้งมาก และถือว่าเป็นพื้นที่แห้งแล้งซ้ำซากทุกปี บางปีแล้งนานถึง 10 เดือน น้ำที่มีอยู่บนดินไม่เพียงพอโดยเฉพาะเมื่อถึงช่วงต้นปีคือช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ดังนั้น กรมทรพยากรน้ำบาดาลจึงพยายามนำน้ำใต้ดินขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนได้มีน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคซึ่งจะมีตลอดทั้งปี
สำหรับการขุดเจาะบาดาลในพื้นที่บ้านทุ่งคูณ หมู่ 19 ต.ห้วยกระเจา ขณะนี้เจาะเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่ขั้นตอนการออกแบบเพื่อทำระบบส่งน้ำระยะไกล คาดว่าภายในเดือนหน้า (เม.ย.) จะสามารถสร้างระบบส่งน้ำให้ประชาชนได้ สำหรับประชาชนที่จะได้รับประโยชน์นั้นคือได้รับประโยชน์กันทั้งตำบล รวมทั้งผู้ที่ผ่านไปมา เพราะเรามีระบบกระจายน้ำแบบงวงช้าง ซึ่งทำให้ประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงสามารถมารับได้
สำหรับบริเวณพุโซดาบาดาล ปัจจุบันยังคงพุอยู่เหมือนเดิม ซึ่งประชาชนยังคงเดินทางมาเที่ยวชมอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้มีนักวิทยาศาสตร์มาประจำเพื่อตรวจสอบคุณภาพน้ำให้ได้มาตรฐานน้ำดื่มทุกวัน