กาฬสินธุ์ - บรรยากาศงานศพรอง สวป.สภ.ทุ่งเบญจา อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ที่ก่อเหตุยิงภรรยาที่ห้องขังบนโรงพักเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ญาตินำศพกลับตั้งบำเพ็ญกุศลบ้านเกิด ขณะที่แม่และน้องชายคาดว่าสาเหตุเกิดจากเรื่องครอบครัวหึงหวงและทะเลาะกัน
จากกรณี ร.ต.อ.ธนากรณ์ เพาะเจริญ อายุ 50 ปี รอง สวป.สภ.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. ก่อเหตุไล่ยิง น.ส.จินตนา เพาะเจริญ อายุ 52 ปี ภรรยา หน้าห้องขังบนโรงพัก 6 นัดซ้อนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะใช้ปืนกระบอกเดียวกันจ่อยิงศีรษะตนเองเสียชีวิต
ล่าสุด ค่ำวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่บ้านเลขที่ 59 ม.3 บ้านอุปรี ต.ไคร้นุ่น อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ บ้านเกิดของ ร.ต.อ.ธนากรณ์ และเป็นสถานที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศล หลังจากญาติๆ ได้เดินทางไปรับศพกลับมาถึงบ้านเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ท่ามกลางความโศกเศร้าของญาติ โดยเฉพาะนางประคอง เพาะเจริญ อายุ 73 ปี แม่ของ ร.ต.อ.ธนากรณ์ ซึ่งยังอยู่ในอาการตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเสียใจอย่างมากที่ลูกชายจากไปอย่างกะทันหัน
โดยนางประคอง เพาะเจริญ อายุ 73 ปี แม่ของ ร.ต.อ.ธนากรณ์ กล่าวว่า ปกติลูกชายจะเป็นคนใจเย็น เท่าที่ทราบมาระยะหลังมีปัญหาเรื่องครอบครัว ทะเลาะกับภรรยาบ่อยครั้งในช่วง 7-8 เดือนที่ผ่านมา หากทะเลาะกันแต่ละครั้งก็จะโทรศัพท์มาหาแม่ และญาติๆ เพื่อระบายความในใจ แต่ไม่เล่าว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่บอกว่าภรรยานั้นมักจะหาเรื่องทะเลาะ แต่ก็อดทนได้อยู่ กระทั่งล่าสุดคืนวันเกิดเหตุวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ลูกชายได้โทรศัพท์มาหาและพูดคุยกันว่าแม่จะเดินทางมาหาที่ จ.จันทบุรี
ลูกชายบอกว่ายังไม่ต้องมาแล้ววางสายไป ต่อมาก็ติดต่อกลับมาอีกครั้งบอกว่าทนไม่ไหวแล้ว อายเขาทั้งโรงพักแล้ว ให้มารับคืนนี้เลย แต่ไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไรก่อนจะวางสายไป จากนั้นช่วงเช้าทางตำรวจแจ้งว่าลูกชายก่อเหตุดังกล่าวขึ้นซึ่งตนและครอบครัวเสียใจอย่างมาก
ด้าน พ.จ.อ.วารินทร์ เพาะเจริญ น้องชายของ ร.ต.อ.ธนากรณ์ กล่าวว่า ปกตินิสัยส่วนตัวของพี่ชายซึ่งเป็นลูกชายคนโต มีน้องอีก 3 คน เป็นคนดี ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ลักษณะสุขุม ใจเย็น ไม่ค่อยพูดและตั้งใจทำงาน เป็นเสาหลักของครอบครัว เพราะส่งน้องเรียนๆ เรียนจบจนมีงานทำ ล่าสุดได้รับการคัดเลือกเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจดีเด่นประจำ ภ.จว.จันทบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุ ทางครอบครัวตกใจและเสียใจอย่างมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
สำหรับสาเหตุนั้นคาดว่ามาจากเรื่องปัญหาในครอบครัว น่าจะเป็นเรื่องความหึงหวงหวาดระแวงกัน เหมือนกับโดนจับผิด แต่ไม่ทราบว่าเรื่องเกิดจากอะไร เพราะพี่ชายไม่ค่อยเล่าให้ฟัง เพียงแต่บอกว่าอดทนได้อยู่ โดยทางครอบครัวก็ได้ให้กำลังใจมาตลอด ซึ่งวันเกิดเหตุคาดว่าพี่ชายคงจะอดทนถึงขีดสุดแล้ว น่าจะเป็นความเครียดสะสมมาจึงตัดสินใจดังกล่าว เพราะก่อนเกิดเหตุได้โทรศัพท์มาหาแม่บอกว่าอดทนไม่ไหวแล้ว ให้แม่มารับคืนนี้เลยก่อนที่จะวางสายไป และทางครอบครัวได้รับทราบข่าวร้ายดังกล่าว ทั้งนี้ สำหรับการฌาปนกิจศพกำหนดวันพรุ่งนี้ (24 มี.ค.) ที่วัดประจำหมู่บ้าน