กาฬสินธุ์ - ตำรวจ สภ.ห้วยเม็ก เรียกผู้เกี่ยวข้องสอบปากคำกรณีนักเรียนชายชั้น ม.3 เข้าค่ายลูกเสือจมน้ำเสียชีวิต ชี้ฐานมุดน้ำหนีระเบิดไร้อุปกรณ์ให้ความช่วยเหลือ แม่ยันเอาเรื่องถึงที่สุด ด้าน ผอ.โรงเรียนอ้างเป็นฐานให้นักเรียนล้างเนื้อล้างตัว
จากเหตุการณ์ที่ ด.ช.ทองนพเก้า สีทา หรือ “น้องปอน” อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนบ้านนาค้อวิทยาคม อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ จมน้ำเสียชีวิตบริเวณหนองน้ำหลังวัดบ้านนาค้อ ที่อยู่ติดกับโรงเรียนบ้านนาค้อ หลังจากน้องปอนร่วมกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ โดยผู้ปกครองและนักเรียนระบุว่าน้องปอนถูกสั่งให้มุดน้ำฐาน “หนีสงครามหลบระเบิด” ที่โรงเรียนจัดขึ้น จนจมน้ำเสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา
ล่าสุด วันนี้ (17 มี.ค.) พ.ต.อ.โสณกุญช์ ทรัพย์สมบัติ ผกก.สภ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย ร.ต.อ.อัศวิน หงษ์โยธี พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยเม็ก เจ้าของคดีได้เรียกกลุ่มเพื่อนนักเรียนของ ด.ช.ทองนพเก้า พร้อมด้วยนายสมภาร ภูศรีทอง อายุ 54 ปี, นางบัวชื่น สีทา อายุ 48 ปี พ่อและแม่ของ ด.ช.ทองนพเก้า เข้ามาสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งผู้บริหารและคณะครูของเรียนมาสอบปากคำเพื่อสาเหตุการเสียชีวิต
ส่วนใหญ่เพื่อนของน้องปอน ระบุว่า การเข้าร่วมกิจกรรมค่ายลูกเสือทุกคนจะถูกสั่งให้เข้าฐานหนีสงครามหลบระเบิดมุดน้ำ โดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันและช่วยเหลือเมื่อจมน้ำ เช่น เสื้อชูชีพ หรือห่วงยาง รวมทั้งไม่มีการกั้นแนวเขตน้ำตื้นและน้ำลึก ส่วนผู้อำนวยการและคณะครูยังไม่พร้อมให้ปากคำเนื่องจากอยู่ในอาการเสียใจและช็อกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่นายสุรเชษฐ์ พละเอ็น ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 3 พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและเข้าตรวจสอบบริเวณหนองน้ำจุดเกิดเหตุ รวมทั้งสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนายสุนทรา กุลาสา ผู้อำนวยการโรงเรียน และคณะครูโรงเรียนบ้านนาค้อวิทยาคม พร้อมเตรียมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง
ด้านนายสุนทรา กุลาสา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาค้อวิทยาคม กล่าวว่า วันเกิดเหตุโรงเรียนได้จัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ โดยใช้สถานที่สาธารณะหมู่บ้านซึ่งมีสระน้ำสาธารณะอยู่ด้านทิศเหนือ มีถนนคั่นกลางจากโรงเรียนประมาณ 20 เมตร เป็นสถานที่ที่ใช้จัดกิจกรรมค่ายลูกเสือทุกปี การจัดกิจกรรมได้ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกันกลุ่มละ 13-15 คน เข้าร่วมกิจกรรมฐานต่างๆ รวม 6 ฐาน ประกอบด้วย ฐานลำเลียงน้ำ ฐานบัวตูมบัวบาน ฐานท่องกฎและคำปฏิญาณ ฐานเงื่อน ฐานปิดตาไต่เขา และฐานหลบระเบิด
โดยแต่ละฐานจะมีครูผู้ควบคุมดูแล 2 คน ซึ่งฐานที่เกิดเหตุเด็กนักเรียนจมน้ำนั้นเป็นฐานที่ 6 ฐานสุดท้าย ได้ให้นักเรียนลงไปในน้ำเพื่อล้างเนื้อล้างตัว ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุคณะครูได้มีการเฝ้าระวังและเช็กจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมทุกฐาน
นายสุนทรากล่าวอีกว่า ส่วนกรณี ด.ช.ทองนพเก้าจมน้ำเสียชีวิตนั้น คาดว่าไม่มีใครสังเกตเห็น ด.ช.ทองนพเก้า เนื่องจากก่อนเกิดเหตุมีเด็กนักเรียนคนหนึ่งไม่ได้มาร่วมกิจกรรมช่วงเช้า แต่กลับมาเข้าร่วมช่วงบ่าย ซึ่งคณะครูผู้ควบคุมได้เช็กจำนวนนักเรียนหลังจากทุกคนขึ้นมาจากหนองน้ำก็พบว่าครบจึงไม่ได้เอะใจ กระทั่งมาทราบทีหลังว่าหายตัวไปและจมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว ทางโรงเรียนและคณะครูรู้สึกเสียใจมาก พร้อมจะให้ความช่วยเหลือ และยืนยันว่าฐานค่ายลูกเสือที่ลงไปในน้ำไม่ได้บังคับให้ลงไปทุกคน
สำหรับบรรยากาศงานศพของ ด.ช.ทองนพเก้า ญาติได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้านเลขที่ 280 หมู่ 11 ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัวและญาติ ทุกคนต่างติดใจการเสียชีวิตของลูกชาย โดยระบุว่าเหตุสลดที่เกิดขึ้นเกิดจากความประมาทของครูผู้ควบคุมกิจกรรม
ด้านนางบัวชื่น สีทา อายุ 48 ปี แม่ของเด็กชาย ด.ช.ทองนพเก้า กล่าวว่า วันเกิดเหตุทราบว่าโรงเรียนจัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ แต่ไม่ได้แจ้งว่าจะให้เด็กนักเรียนลงไปมุดน้ำ กระทั่งช่วงเย็นไม่เห็นลูกชายกลับบ้านซึ่งปกติจะกลับบ้านตรงเวลา ด้วยความเป็นห่วงจึงไปตามหาลูกชายและสอบถามผู้อำนวยการและครูหลายคน ทุกคนบอกว่าไม่เห็น ทั้งไม่ค่อยสนใจ ก่อนที่ชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านออกช่วยกันตามหาแต่ก็ไม่พบ จึงเข้าแจ้งความ สอบถามเพื่อนลูกชาย หลายคนเห็นครั้งสุดท้ายตอนลงไปในสระน้ำค่ายลูกเสือ คาดว่าลูกชายน่าจะจมน้ำ จึงประสานเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ กระทั่งพบว่าลูกชายจมน้ำเสียชีวิตจริงๆ
เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้น การเข้าค่ายลูกเสือไม่ควรจะต้องไปมุดน้ำ โดยเฉพาะคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นอย่างเช่นลูกชายตน เท่าที่ทราบการเตรียมความพร้อมเรื่องอุปกรณ์ให้ความช่วยเหลือเด็กก็ไม่มี ตนและครอบครัวรู้สึกเสียใจมาก อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและให้ดำเนินการอย่างถึงที่สุด ให้ความเป็นธรรมแก่ลูกชายของตนด้วย
สำหรับเรื่องคดี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยเม็ก ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุและสอบถามเด็กนักเรียน พบว่าการจัดกิกจรรมค่ายลูกเสือ โดยเฉพาะฐานหลบระเบิดที่เป็นจุดเกิดเหตุ เป็นสระน้ำขนาดใหญ่กว้างเท่ากับสนามฟุตบอล หลายจุดลึกไม่มีอุปกรณ์ป้องกันและช่วยเหลือจมน้ำ เช่น เสื้อชูชีพ หรือห่วงยาง รวมทั้งไม่กั้นแนวเขตน้ำตื้นและน้ำลึก ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำอย่างละเอียด โดยต้องสอบร่วมกับทีมสหวิชาชีพ หาสาเหตุการจมน้ำเสียชีวิตครั้งนี้ว่าเกิดจากความประมาท หรืออุบัติเหตุ
อย่างไรก็ตาม สำหรับครูฝึกชายและหญิง 2 คนที่เป็นครูฝึกและผู้ควบคุมฐานที่เกิดเหตุนั้น เบื้องต้นปฏิเสธจะให้ข้อมูล เนื่องจากครูทุกคนยังอยู่ในอาการเสียใจและช็อกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น