xs
xsm
sm
md
lg

ป้าวัย 52 วอนช่วยทั้งน้ำตา! ถูกสวมบัตร ปชช.ยื่นเรื่องนาน 12 ปีไม่คืบ กลายเป็นคนเถื่อนยากจนไร้สิทธิสวัสดิการรัฐ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บุรีรัมย์ - ป้าวัย 52 ชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ฐานะยากจนรับจ้างเลี้ยงปากท้อง ถูกสวมบัตร ปชช. ยื่นเรื่องนาน 12 ปีไม่คืบหน้า จนท.บอกให้รอ เดือดร้อนหนักไร้สิทธิได้รับสวัสดิการของรัฐและขาดโอกาสรับเงินเยียวยาทุกโครงการ น้ำตาตกถูกล้อเป็นคนเถื่อน วอนช่วยเหลือ น้อยใจต่างด้าวยังมีบัตรเป็นคนไทยแท้ๆ แต่กลับช่วยไม่ได้

วันนี้ (24 ก.พ.) นางลำใย ธรรมดา อายุ 52 ปี ชาวบ้าน ต.แสลงพัน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ อาชีพรับจ้างทั่วไป ทั้งตัดอ้อย ถอนมันสำปะหลัง ทำความสะอาดบ้าน ได้นำบัตรประจำตัวประชาชนใบเดิมที่เคยทำเมื่อปี 2545 พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานยืนยันตัวตนว่าเป็นคนไทย ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังจากถูกลักลอบสวมบัตรประจำตัวประชาชน ทำให้ได้รับความเดือดร้อนไม่ได้รับสิทธิสวัสดิการของรัฐ ทั้งสิทธิรักษาพยาบาลตามโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ซ้ำยังขาดโอกาสไม่ได้รับการช่วยเหลือจากโครงการของรัฐทุกโครงการ ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน รวมถึงเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด

นางลำใย  ธรรมดา อายุ 52 ปี ชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ถูกสวมบัตร ปชช.
อีกทั้งยังถูกชาวบ้านหรือคนที่รู้จักสมประมาทล้อเลียนหาว่าเป็นคนเถื่อน คนต่างด้าว ทั้งที่ตนเองเป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ และปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการกระทำของตนเอง กลับต้องมาเดือดร้อน

น.ส.ลำใยเล่าให้ฟังว่า ครอบครัวตัวเองมีฐานะยากจน พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่ตนอายุได้ 7 ขวบ พออายุ 17 ปี ก็ระเหเร่ร่อนไปหาทำงานรับจ้างทั้งตัดอ้อย ถอนมันสำปะหลัง และรับจ้างทำความสะอาดบ้าน ทั้งที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดต่างๆ ตามที่มีคนจ้างไป ไม่ค่อยได้กลับบ้าน กระทั่งปี 2552 จะย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านของสามีที่ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ก็ไปทำเรื่องย้ายที่ที่ว่าการอำเภอเสิงสาง จ.นครราชสีมา แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่สามารถย้ายได้ เพราะในระบบพบว่ามีชื่อ นามสกุล และเลข 13 หลักตรงกัน 2 คน น่าจะมีการสวมสิทธิบัตรประชาชน เจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้ตนไปติดต่อที่ที่ว่าการอำเภอลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นที่ที่ตนเองทำบัตรประชาชนตอนแรก


จากนั้นมาติดต่อที่ที่ว่าการอำเภอลำปลายมาศ ตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ โดยปลัดอำเภอซึ่งปฏิบัติหน้าที่ขณะนั้นแจ้งกับตนเองว่าไม่ต้องไปแจ้งความ เดี๋ยวทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการให้เอง แต่เห็นเงียบหายไป ปี 2554 จึงตัดสินใจไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ลำปลายมาศ และมาติดต่อที่ที่ว่าการอำเภอลำปลายมาศอีกครั้ง โดยได้พาผู้ใหญ่บ้านมารับรองให้ด้วยว่าตนเองเกิดที่นี่โตที่นี่ เป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน แต่เจ้าหน้าที่กลับบอกว่ากรณีการสวมบัตรประชาชนต้องไปพูดคุยกันที่ศาล และบอกให้รอเจ้าหน้าที่จะติดต่อไปเอง ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่รอเจ้าหน้าที่ติดต่อ จนเวลาผ่านมาถึง 12 ปี ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร

กระทั่งมาทราบว่าคนที่สวมบัตรของตนเองได้ย้ายชื่อไปที่ จ.ชัยนาทแล้ว ตนก็ไม่รู้จะทำยังไงจึงได้นำจักรยานยนต์ไปเข้าไฟแนนซ์ 17,000 บาท เพื่อเป็นค่าจ้างรถเดินทางมาติดทำเรื่อง ทั้งต้องหยุดงานขาดรายได้เพื่อนำเอกสารหลักฐานมาร้องขอความช่วยเหลือ อยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้น และเร่งทำบัตรประชาชนให้ตนเองคืนด้วย เพราะตอนนี้เดือดร้อนมากจะไปไหนมาไหนก็ไม่ได้เขาหาว่าเป็นคนเถื่อน คนต่างด้าว ทั้งไม่สามารถใช้สิทธิรักษาฟรีได้ ที่สำคัญต้องขาดโอกาสรับการช่วยเหลือเยียวยาจากโครงการต่างๆ ของรัฐ ทั้งที่ความผิดไม่ได้เกิดจากตนเอง

“ทำไมเราเป็นคนไทยแท้ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ ถูกลักลอบสวมบัตรประชาชน แต่ทำไมถึงไม่ได้รับการช่วยเหลือ แต่ทำไมต่างด้าวเขาไม่ใช่คนไทยยังมีบัตรและได้รับการช่วยเหลือ” น.ส.ลำใย ตัดพ้อด้วยว่ารู้สึกน้อยใจทั้งน้ำตา








กำลังโหลดความคิดเห็น