พิจิตร - บรรยากาศวังเวงชวนขนลุก..มูลนิธิพิจิตรฯฉายหนังกลางแปลงในสุสานให้วิญญาณชาวไทยเชื้อสายจีนผู้ล่วงลับได้ดูในวันชิวอิก ที่เชื่อว่าประตูนรก-สวรรค์เปิด เผยทำต่อเนื่องมากว่า 50 ปี มีคนดูแค่ 4-5 คน กลางหลุมฝังศพ 330 หลุม
วันนี้ (12 ก.พ. 64) กรรมการของมูลนิธิพิจิตรสามัคคีฯ ที่ดูแลสุสานวัดมูลเหล็ก บ้านดงชะพลู ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมืองพิจิตร ได้จัดฉายหนังกลางแปลงในสุสานเนื่องในวันชิวอิก หรือวันเที่ยว ในเทศกาลตรุษจีน ที่มีความเชื่อเล่าสืบทอดต่อกันมาว่าประตูนรก-สวรรค์จะเปิดเพื่อปล่อยให้ดวงวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วได้มารับส่วนกุศลหรือส่วนบุญที่ลูกหลานประกอบพิธีเซ่นไหว้
นายอนุศิษฐ์ หลิมศิริวงษ์ รองประธานมูลนิธิพิจิตรสามัคคีฯ ฝ่ายสุสาน เล่าว่า มูลนิธิฯ ได้ฉายหนังกลางแปลงมอบความบันเทิงให้ดวงวิญญาณของบรรพบุรุษชาวจีน รวมถึงชาวไทยเชื้อสายจีนที่ล่วงลับไปแล้วและฝังอยู่ที่สุสานแห่งนี้จำนวน 330 หลุม มาตั้งแต่ พ.ศ. 2508 นับถึงวันนี้ 55 ปีเต็ม
โดยในวันนี้จะฉายภาพยนตร์ 3 เรื่อง เรื่องแรก คือ เรื่องโป่งเซียง ซึ่งเป็นภาพยนตร์สำหรับไหว้เจ้าที่และวิญญาณบรรพบุรุษ ส่วนเรื่องที่ 2 คือ เรื่อง 1 ฟัด 1 ใหญ่ และเรื่องที่ 3 คือ ล่าขุมทรัพย์ป่านรก
ขณะที่นายบุญเชิด คุ่ยคร้าม เจ้าของและผู้จัดการบุญเชิดภาพยนตร์ กล่าวว่า ตนเดินทางมาตั้งจอฉายภาพยนตร์ให้กับวิญญาณบรรพบุรุษในสุสานแห่งนี้ได้ชมมากว่า 50 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่นและเป็นลูกน้อง จนถึงวันนี้อายุ 60 ปีแล้ว และมีทีมงานเป็นของตัวเองซึ่งยุคปัจจุบันหนังกลางแปลงกำลังจะสูญหายจากงานวัด งานประเพณีรวมถึงอาชีพคนฉายหนังกลางแปลงก็ค่อยๆ เลิกรากันไป แต่ด้วยใจรักตนจึงยังทำอาชีพนี้อยู่
“มาฉายหนังกลางแปลงให้ผีดูที่มูลนิธิพิจิตรสามัคคีแห่งนี้ได้รับค่าจ้างไม่มาก พอได้เป็นเบี้ยเลี้ยงลูกน้องและพออยู่ได้ก็พึงพอใจแล้ว”
นายบุญเชิดเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ที่ชวนขนหัวลุกว่าเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน ตนก็มาตั้งเครื่องฉายหนังแบบนี้ วันนั้นเป็นคืนเดือนหงาย แต่เริ่มพลบค่ำจู่ๆ ก็ปรากฏร่างชายชาวจีนสูงอายุลักษณะเหมือนอาแปะแก่ๆ นุ่งกางเกงขาก๊วย ใส่เสื้อคอกลมสีขาวแบบคนจีน โผล่มายืนข้างๆ ตนที่กำลังใส่ฟิล์มจะฉายหนัง มาชวนคุยถามว่า..วันนี้ฉายหนังเรื่องอะไรบ้าง ตนก็ตอบไปว่า ฉายหนัง 3 เรื่อง ส่วนเป็นเรื่องอะไรนั้นจำไม่ได้แล้ว ขณะพูดคุยอยู่นั้นตนเองก็ก้มหน้าก้มตาอยู่กับเครื่องฉาย พอสิ้นเสียงของการพูดคุย ตนเองจึงเงยหน้าขึ้นมา ก็ปรากฏว่าอาแปะคนดังกล่าวหายวับไปกับตา ทำเอาตนเองขนหัวลุก แต่ไม่กล้าเล่าให้ลูกน้องฟัง
สำหรับการฉายหนังกลางแปลงให้ผีดูเริ่มฉายหลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าทันที และฉายต่อเนื่อง 3 เรื่อง กว่าจะจบก็เกือบเที่ยงคืน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างวังเวง จะมีผู้ชมก็แค่เพียงกรรมการของมูลนิธิพิจิตรสามัคคีฯ และคนเฝ้าสุสาน 4-5 คนเท่านั้นที่ใจกล้าใจถึง นั่งดูอยู่เป็นเพื่อนกัน