ราชบุรี - ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านชิงตัวผู้ต้องหา ปฏิเสธไม่ได้นำปืนลงไป ตัดไม้เพื่อไปทำเกษตรกรรมไม่ได้นำไปขาย พร้อมขอประกันตัวเพื่อต่อสู้ในชั้นศาล
จากกรณี นายสุชาติ บัวบาง หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รบ.3 (พุยาง) พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าแจ้งความต่อทาง พ.ต.ต.บรรณสิทธิ์ ชัยนวล สว.(สอบสวน) สภ.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ เพื่อดำเนินคดีต่อ นายสุริยนต์ ชมภูพันธ์ หรือยนต์ อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหนองนกกะเรียน หมู่ที่ 4 ต.รางบัว อ.จอมบึง พร้อมพวกอีก 5 คน ในข้อหาลักลอบตัดไม้ไผ่รวก ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี นายสุริยนต์ ชมภูพันธ์ ได้ขับรถกระบะตอนครึ่ง เข้ามายังจุดเกิดเหตุ พร้อมใช้อาวุธปืนลูกซองยาวข่มขู่เจ้าหน้าที่ ชิงรถบรรทุกไม้ไผ่รวก และผู้ต้องหาทั้ง 5 รายหลบหนี
โดยทาง สภ.ทุ่งหลวง ได้ตั้งข้อกล่าวหา นายสุริยนต์ ร่วมกันทำไม้ แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน หรือผู้ช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติหน้าที่ โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธ และช่วยผู้อื่น ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดเพื่อไม่ให้ต้องรับโทษ โดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดๆ เพื่อไม่ให้ถูกจับกุมและมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่รับอนุญาต ส่วนอีก 5 คน ถูกตั้งข้อหาร่วมกันทำไม้ แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ
โดยเมื่อเวลา 19.00 น.วานนี้ (29 ม.ค.) นายสุริยนต์ ชมภูพันธ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหนองนกกะเรียน หมู่ที่ 4 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.ต.บรรณสิทธิ์ ชัยนวล สว.(สอบสวน) สภ.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมให้ปากคำนานหลายชั่วโมง ส่วนญาติเตรียมขอประกันตัว ขณะช่วงหยุดพักให้ปากคำ นายสุริยนต์ ได้ให้สัมภาษณ์กับทางผู้สื่อข่าวว่า ตามที่เป็นข่าวตนไม่ได้ควงปืนลงไป อยากจะขอแก้ข่าวตรงนี้ แล้วไม้ไผ่รวกจะนำไปปลูกผักไม่ได้นำไปขาย ซึ่งตนเองมีแปลงผักอยู่ประมาณ 4 ไร่ ไม่เคยเข้าไปเอาไม้ ส่วนคนที่ไปตัดไม้ไผ่ก็ไม่ใช่ลูกน้องของตน ซึ่งช่วงนี้อยู่ในสถานการณ์โควิด-19 คนส่วนใหญ่ไม่มีงานทำ อยู่ว่างๆ เห็นว่าเตรียมแปลงผักไว้ แต่ยังไม่มีไม้ไผ่มาปลูกผัก จึงช่วยกันไปตัดมาให้ ไม่ได้มีการจ้างหรือซื้อขายเลย ตนเองขอปฏิเสธ ว่าตนไม่ได้ควงปืนยิงปืนขู่เจ้าหน้าที่ เพื่อชิงตัวผู้ต้องหา ตนไม่ได้มีอิทธิพล ถ้าตนมีอิทธิพลก็แต่เรื่องดีๆ ให้ไปถามคนทั้ง 3 หมู่บ้านดูได้ แล้วที่กล่าวอ้างว่า ตนเอาชาวบ้าน 30 คนมาปิดล้อมเจ้าหน้าที่ ไม่มีที่เข้ามาเป็นญาติทั้งหมด เพราะตนอยู่คนเดียว และโดนเจ้าหน้าที่ล็อกแขนไว้ แม้จะรับโทรศัพท์ยังไม่ให้รับ
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านที่ติดตามมาได้บอกว่า วันเกิดเหตุ นายสุริยนต์ กับภรรยา ได้เดินทางไปที่เกิดเหตุจริง แต่ไม่ได้นำอาวุธปืนลูกซองยาวลงไปจาก โดยอยู่ในรถพันผ้าวางไว้ และไม่ได้ยิงปืนข่มขู่เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าไม้ เพื่อชิงตัวผู้ต้องหา ส่วนที่ นายสุริยนต์ ต้องพกปืนลูกซองยาวไว้ติดตัวนั้น เพราะเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) จึงต้องพกอาวุธปืนไว้ออกตรวจพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมา นายสุริยนต์ ก็เป็นที่รักใคร่ของคนในหมู่บ้าน