ราชบุรี -หนุ่มราชบุรี กุเรื่องพบทองในคลอง ยังไม่เข้าพบนายอำเภอ เผยไม่พร้อมเจอหน้าใคร ก่อนมีตัวแทนครอบครัวเข้าพบพูดคุยแทน ขณะที่ทางรายการโทรทัศน์ แจงโอนให้ทางครูหนุ่มโดยตรงไม่ผ่านผู้สื่อข่าว
จากกรณี ครูหนุ่ม หรือ หรือ นายกรภัทร พรของแม่ อายุ 33 ปี กุเรื่องว่าร่อนทองได้ในคลองชลประทาน หมู่ 4 อ.เมืองราชบุรี สร้างความแตกตื่น จนทำให้ชาวบ้านจากจังหวัดราชบุรี และจังหวัดใกล้เคียง ต่างพาอุปกรณ์มาร่อนทองกันเป็นจำนวนมากและหลังจากนั้นยอมรับกุเรื่องพร้อมรับเป็นการจัดฉากสร้างกระแสอยากดังข้ามคืนดังมีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (28 ม.ค.)ที่ทำการอำเภอเมืองราชบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม นายอำเภอเมืองราชบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.รัฐศักดิ์ อิ่มฤทธา รอง ผกก.ป. สภ.เมืองราชบุรี นายจำนงค์ จันทวงศ์ ปลัดอำเภอเมืองราชบุรี เตรียมเข้ารับฟังการชี้แจงจากนายนายกรภัทร พรของแม่ หรือ ครูหนุ่ม ซึ่งได้มีการนัดหมายว่าจะเข้ามาพูดคุยกัน เมื่อถึงเวลานัด นายกรภัทร ไม่มา
จึงได้ติดต่อ นายกรภัทร ซึ่งได้ รับตอบกลับว่า ขณะนี้ ตนเองเครียดมาก อยากฆ่าตัวตาย เพราะเจอกระแสต่อต้านจากสังคมเยอะ และอยากจะขอโทษชาวราชบุรีทุกคน เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เนื่องจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ช่วงนี้ขอพักผ่อนสมอง ที่จังหวัดเพชรบุรี ก่อน และยังไม่พร้อมเจอหน้าใคร และต้องขอโทษนายอำเภอราชบุรี ที่ตนไม่ได้เดินทางไปพบตามนัด หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้ นายกรภัทร ได้อีกเลย
ขณะที่นายทศพล เผื่อนอุดม นายอำเภอเมืองราชบุรี เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับฟังคำสารภาพ จากครู่หนุ่มแล้ว ว่าลงไปหาปลาไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมดเป็นการกุข่าวขึ้นมา มีจริงบ้างเท็จบ้าง เป็นความคึกคะนอง เรื่องที่บอกว่าเป็นทองรูปพรรณที่เป็นจี้กระต่ายนั้นอันนี้เป็นเรื่องจริงเขาบอกว่าพบจริง แต่ยังไงแล้วต้องเป็นหน้าที่ตำรวจที่จะสอบสวนข้อเท็จจริงว่าคืออะไร แต่เขายืนยันว่าเขาพบจี้กระต่ายนั้นจริงแต่หลังจากนั้นนก็โพสต์ เอาสนุกใน Facebook ของเขาให้คนสนใจและเห็นคนมากดไลค์กันก็เลยกลายเป็นประเด็นขึ้นมา ประกอบกับมีผู้สื่อข่าวให้ความสนใจจนเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนเรื่องบานปลาย พร้อมกับยังพูดถึงนักข่าวที่อยู่เบื้องหลังว่าต้องเป็นหน้าที่ ที่ต้องไปให้คำตอบกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพนักงานสอบสวนด้วย ว่าเรื่องจริงเรื่องเท็จเป็นมาอย่างไร แต่ต้องดูรายละเอียดองค์ประกอบว่าเข้าข่ายความผิดอื่นๆไหม
เบื้องต้นการเอาผิดครูหนุ่มนั้น ต้องดูว่าว่าสามารถดำเนินคดีในเรื่องไหน แต่เป็นความผิดต่อรัฐเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถดำเนินการได้ ต้องดูรายละเอียดอื่นควบคู่ไปด้วยว่าหน่วยงานรัฐหน่วยงานใด โดยเฉพาะคลองชลประทานมีอะไรเสียหายไหมผู้ที่รับผิดชอบพื้นที่ในพื้นที่ พื้นที่มีอะไรเสียหายหรือไม่ พร้อมทั้งประสานไปยังพื้นที่ที่รับผิดชอบคลองดังกล่าว ทั้ง อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตรวจสอบความเสียหายให้รวบรวมมาร้องทุกข์กล่าวโทษไปตามขั้นตอน ส่วนผู้ที่ถูกกล่าวหาถูกพาดพิงก็ต้องมาชี้แจงแสดงพยานหลักฐานว่าไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม
ขณะที่ พ.ต.ท.รัฐศักดิ์ อิ่มฤทธา รอง ผกก.ป. สภ.เมืองราชบุรี กล่าวว่า เตรียมประสานเชิญมาสอบปากคำกับพนักงานสอบสวน ส่วนการเข้าข่ายความผิด นั้น เบื้องต้นที่ไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก อาจจะเป็นเรื่องการกระทำผิดในเรื่องของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เข้าเครื่องอันเป็นเท็จ สร้างความตกใจให้กับประชาชน ส่วนในเรื่องอื่นๆถ้ามีหน่วยงานใดที่ได้รับความเสียหายก็จะดำเนินการเพิ่มเติมต่อไป ซึ่งอยู่ระหว่างรอให้ นายกรภัทร มีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นก่อน เพราะทราบมาว่าเคย ป่วยโรคจิต ซึมเศร้า หากหายดีแล้วจะเรียกมาสอบสวนเอาผิดฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ส่วนเรื่องความผิดอื่น ต้องดูองค์ประกอบความผิดอย่างละเอียดอีกครั้ง
หลังจากนั้นนายสมเกียรติ เฉลิมดิษฐ์ อายุ 62 ปี เป็นลุงของนายกรภัทร ได้เดินทางมาเข้าพบพูดคุยกับนายทศพล เผื่อนอุดม นายอำเภอเมืองราชบุรี เปิดเผยพฤติกรรมการ นิสัยของนายกรภัทร หรือ ครูหนุ่ม เป็นคนชอบแกล้งคนชอบสร้างเรื่อง ตั้งแต่เล็กๆ เคยทำของในบ้านหลายอย่างพัง ทั้งวิทยุเอากาวไปหยอดปุ่มเปิดเสียง เอานาฬิการมาสลับเข็มเดิน รวมทั้งยังไปสอยมะพร้าวที่ในสวนจนหมดต้นทั้งลูกอ่อนลูกแก่ ชอบหาเรื่องเดือดร้อนมาให้ตลอด
โดยในครั้งนี้ นายกรภัทร อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตามประสานเด็กๆ ที่ป่วยทางจิต โดยแม่ของนายกรภัทร ก็ยินดีขอโทษประชาชน พร้อมยอมรับผิดชอบเพราะลูกเป็นแบบนี้ตั้งแต่เล็ก ซึ่งวันนี้แม่ของนายกรภัทร ได้ให้ลุงเป็นตัวแทนเนื่องจากแม่ทำงานต่างจังหวัด หากกลับมาก็ต้องกักตัว 14 วัน เลยให้คุณลุงดำเนินการให้ กล่าวขอโทษชาวราชบุรี ทุกคนที่แห่กันไปร่อนทอง รวมทั้งขอโทษส่วนราชการทุกส่วนที่ทำให้เดือดร้อน ทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเจตนาหลอกลวงใคร เกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ของเด็กที่ป่วยทางจิต ซึ่งตอนนี้ตนเองก็ยังไม่สามารถติดต่อ นายกรภัทร ได้ทั้งมือถือและทางไลน์ แต่หากติดต่อได้ทำพูดคุยให้เข้ามาพบกับนายอำเภอทันที
ขณะเดียวกัน ทางเพจ ตาเป้ ผู้สื่อข่าว ที่ถูก นายกรภัทร กล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการกุเรื่อง ว่าเจอทองในคลอง จนทำให้ชาวบ้านจำนวนมากแห่กันไปร่อนทอง และยังถูกกล่าวหาว่าเป็นคนโกงค่าตัวจำนวน 1 หมื่นบาท หลังจากไปออกรายการทีวีช่องหนึ่ง เจ้าตัวได้ออกมาชี้แจงกับทางทีมข่าวว่า เรื่องราวทั้งหมด ไม่เป็นความจริง โดยหลังที่เขาเองได้รับคำสั่งจากต้นสังกัดให้ลงพื้นที่ติดตามข่าว นายกรภัทร เพื่อติดต่อขอสัมภาษณ์ และก็ได้ลงพื้นที่ ณ จุดร่อนทอง พร้อมสัมภาษณ์ครูหนุ่มแล้วนำเสนอข่าวไปตามปกติ
โดยไม่ได้มีการยุยง หรือบังคับให้ครูหนุ่มสร้างเรื่องราว แต่อย่างใด ต่อมาในวันที่ 25 มกราคม ระหว่างที่ลงพื้นที่ตรงจุดร่อนทอง มีรายการทีวีช่องหนึ่ง ติดต่อมา ให้พาครูหนุ่มไปออกรายการ แต่ทางรายการไม่มีรถรับส่ง เลยเป็นคนรับส่งพาไปออกรายการ โดยพานักร่อนทองชาวโคราชไปด้วยอีก 2 คน รวมกันเป็น 4 คน ซึ่งพอไปถึงสถานี ก็ได้ร่วมรายการตามปกติ โดยไม่มีการเขียนสคริปต์ใดๆเกิดขึ้น
หลังจากจบรายการ ทางรายการได้โอนเงินให้ 3 พันบาท เป็นค่ายานพาหนะ และโอนให้กับครูหนุ่ม จำนวน 2,425 บาท เป็นเงินค่าตัว ตามเดิมคือ 2500 บาท หักภาษีไป 75 บาท เหลือเงิน 2425 ซึ่งทางรายการได้โอนให้ทางครูหนุ่มโดยตรง ไม่ได้ผ่านบัญชีเขาตามที่ครูหนุ่มกล่าวอ้าง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ครูหนุ่มกล่าวหาว่าเขาโกงเงินค่าตัว 1 หมื่นบาท จึงไม่เป็นความจริง