บุรีรัมย์ - ผอ.กองสวัสดิการฯ อบต.เจริญสุข จ.บุรีรัมย์ แจงเรียกคืนเงินเบี้ยผู้สูงอายุยาย 89 ปี ย้อนหลัง 10 ปี เป็นไปตามระเบียบเพราะรับซ้ำซ้อนกับเงินบำนาญลูกชาย ระบุเป็นเงินหลวงยังไงก็ต้องคืน ผ่อนชำระได้ไม่เกิน 5 ปี ยอมรับเป็นกรณีแรก ส่วนรู้ข้อมูลช้าเหตุเมื่อก่อนไม่มีระบบลิงก์ข้อมูลตรงกับกรมบัญชีกลางได้ ขณะที่ มทบ.21 ร่วมหน่วยงานในพื้นที่รุดหาแนวทางช่วยเหลือ
วันนี้ (24 ม.ค.) จากกรณีที่นางบวน โล่ห์สุวรรณ อายุ 89 ปี พร้อมด้วยนางลัดดาวรรณ โล่ห์สุวรรณ อายุ 66 ปี ลูกสาว ชาวตำบลเจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังจากเจ้าหน้าที่ อบต.ได้มาแจ้งว่ามีหนังสือจากกรมบัญชีกลางมาทวงเงินเบี้ยผู้สูงอายุที่จ่ายให้กับนางบวน ผู้เป็นแม่ ย้อนหลังเป็นเวลา 10 ปี ต้องคืนเป็นเงินกว่า 84,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยด้วย เพราะเป็นการจ่ายซ้ำซ้อนเนื่องจากยายบวนได้รับเงินบำนาญพิเศษกรณีที่เป็นทายาทของ จ.ส.อ.จักราวุทธ โล่ห์สุวรรณ ลูกชายซึ่งเป็นทหารสังกัด มทบ.21 นครราชสีมา เดือนละ 5,000 บาท หลังจากลูกชายเสียชีวิตจากเหตุการณ์คลังแสงระเบิดที่โคราช เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2544 สร้างความตกใจให้ยายบวนเป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าหากได้รับเงินบำนาญของลูกชายที่เสียชีวิตแล้วจะไม่มีสิทธิรับเงินเบี้ยผู้สูงอายุ และหากเป็นการจ่ายซ้ำซ้อนทำไมถึงปล่อยให้ล่วงเลยมาจนถึง 10 ปี แล้วเพิ่งจะมาทวงถาม ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาจ่ายคืน จึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด น.ส.ธสา ชินรัมย์ ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคมองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เจริญสุข ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า หลังได้รับหนังสือตอบกลับจากกรมบัญชีกลางแจ้งว่าคุณยายบวนได้รับเงินบำนาญพิเศษกรณีลูกชายซึ่งเป็นทหารเสียชีวิตเดือนละ 5,000 บาท สามียายเดือนละ 5,000 บาท และลูกสะใภ้อีกเดือนละ 5,000 ทั้งช่วยเหลือส่งเสียบุตรทั้ง 2 คนจนเรียนจบปริญญาตรีด้วย ดังนั้น ตามระเบียบ อบต.จึงไม่สามารถจ่ายเงินซ้ำซ้อนได้
ส่วนประเด็นที่ว่าจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุให้ยายไปแล้ว 10 ปี ทำไมถึงเพิ่งมาเรียกเงินคืนย้อนหลัง เนื่องจากเมื่อก่อนไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลในระบบโดยตรงได้เพราะยังไม่มีการลิงก์ข้อมูลกัน แต่ตามระเบียบระบุไว้ชัดเจนว่าหากใครได้รับเงินบำนาญจะไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ ถือเป็นการซ้ำซ้อน ยอมรับว่ากรณีนี้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ปัจจุบันพอมีระบบสารสนเทศสามารถลิงก์ข้อมูลตรงจากกรมบัญชีกลางได้ ซึ่งกรณีของยายบวนจะได้หาแนวทางแก้ไข แต่ตามระเบียบยังไงก็ต้องจ่ายคืนเพราะเป็นเงินหลวง แต่ตามระเบียบที่กำหนดไว้สามารถผ่อนชำระได้ไม่เกิน 5 ปี พร้อมดอกเบี้ยตามที่กำหนดในระเบียบ คือ ร้อยละ 7.5 ต่อปี อย่างไรก็ตามจะได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือคุณยายต่อไป
ขณะที่ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการให้มณฑลทหารบกที่ 21 (นครราชสีมา) ลงพื้นที่ดูแลช่วยเหลือคุณยายบวน โดย พล.ต.ชลิต บรรจงปรุ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 ได้มอบหมายให้ พ.ต.หญิง ฐิตารีย์ แสงสายัณห์ รักษาราชการหัวหน้าแผนกประวัติบำเหน็จและบำนาญ มทบ.21 พร้อมทั้ง ร.ต.สำราญ กินเชื้อ รักษาการ สด.เฉลิมพระเกียรติ และ จ.ส.อ. ยุทธนา นามวงศ์ เสมียนการเงิน มทบ.21 ร่วมกับ อบต.เจริญสุข และส่วนราชการในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ เข้าชี้แจงทำความเข้าใจกับคุณยาย ซึ่งที่ผ่านมาทาง มทบ.21 ได้ดำเนินการเบิกจ่ายเงินบำนาญพิเศษให้แก่คุณยายเดือนละ 1,434 บาท บวกกับเงินเพิ่มค่าครองชีพ 8,566 บาท รวมเป็นเงิน 10,000 บาท โดยกรมบัญชีกลางโอนเข้าบัญชีของนางบวนทุกเดือน
ส่วนกรณีที่กรมบัญชีกลางเรียกเงินเบี้ยคนชราคืนย้อนหลัง 10 ปี พร้อมดอกเบี้ยนั้น เบื้องต้นทาง มทบ.21 ได้ร่วมกับ อบต.และหน่วยงานในพื้นที่ ทำความเข้าใจกับคุณยายและลูกสาวแล้ว พร้อมทั้งจะได้หาแนวทางช่วยเหลือ ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ สภาพจิตใจของคุณยายและครอบครัว รวมทั้งประสานงานสาธารณสุขในพื้นที่เพื่อดูแลสุขภาพของคุณยายด้วย ทำให้ยายและลูกๆ โล่งใจมากขึ้น