ภาคกลาง - ตำรวจภูธรภาค 7 ร่วมกับเหล่ากาชาด จ.นครปฐม ขณะที่ทหารหน่วยรบพิเศษ นำทัพนักรบพิเศษ พร้อมครอบครัว กว่า 500 คน ตบเท้าบริจาคโลหิต หลังจากเริ่มหมดสต๊อกจากปัญหาวิกฤตโควิด-19 แพร่ระบาด
ตำรวจภูธรภาค 7 ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม
วันนี้ (15 ม.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 ตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เป็นประธานในโครงการรับบริจาคโลหิต โดยตำรวจภูธรภาค 7 ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม ตามสโลแกนให้เลือดเท่ากับให้ชีวิต โดยมี นางอาภิพร ชูวงศ์ ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 7 และนางวราภรณ์ เจริญศิริโชติ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม นำคณะแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 7 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 และสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนคปฐม เข้าร่วมบริจาคโลหิต เนื่องจากสถานการณ์เลือดในคลังสำรองเริ่มขาดแคลนอย่างหนักจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่
โดยในการรับบริจาคโลหิตดังกล่าว นอกจากจะมีเหล่าข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 7 ซึ่งมีระดับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี ได้เชิญภรรยามาร่วมรับบริจาคโลหิตเพื่อเป็นการช่วยการกุศล รวมถึง นางอาภิพร ชูวงศ์ ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 7 ภรรยาของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ซึ่งได้มาร่วมบริจาคโลหิตซึ่งหลายคนได้เคยมีการบริจาคโลหิตเป็นครั้งแรก ส่วนใหญ่ก็จะมีการอาการเกร็งและหลายคนมีอาการจะเป็นลม ซึ่งผู้บังคับบัญชาต้องมีการเข้ามาจับมือให้กำลังใจ พร้อมกับนำแอมโมเนียมาคอยให้สูดดมเพื่อป้องกันอาการเป็นลม สร้างบรรยากาศเรียกเสียงหัวเพราะพร้อมรอยยิ้มในกิจกรรมดังกล่าวในช่วงการรับบริจาค
พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เผยว่า สำหรับการรับบริจาคดังกล่าว เป็นการได้รับการประสานจากนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม ว่า เลือดที่มีการจัดเก็บในคลังสำรองเริ่มมีการลดปริมาณลงไปมาก ซึ่งตอนนี้ถือว่าเป็นวิกฤตที่ต้องเร่งระดมมาเก็บไว้เพื่อใช้สำหรับให้ผู้ป่วยในยามฉุกเฉินและในกลุ่มรักษาโรค จึงได้ประสานไปยังหน่วยงานในสังกัดและให้ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 7 ได้ร่วมกันประชาสัมพันธ์เพื่อให้มีการมารับบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือสังคม โดยเบื้องต้น มีทั้งข้าราชการตำรวจ และแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 7 เสนอการเข้ารับบริจาคมากว่า 700 ราย ซึ่งถือว่าเป็นการทำงานเพื่อสังคมที่ดี พร้อมกันนี้ยังทราบว่ามีการรับบริจาคอวัยวะเพื่อนำไปช่วยผู้ป่วย ทั้งดวงตา ไต และตับ ซึ่งได้มีการเข้ามาร่วมบุญกันอย่างคับคั่งถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีในสังคม
ขณะที่ นางวราภรณ์ เจริญศิริโชติ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า สำหรับการรับบริจาคครั้งนี้มีผู้แสดงความจำนงเข้ามาบริจาคเลือดกว่า 700 ราย และมีที่สามารถบริจาคได้ 600 กว่าราย ซึ่งบางรายร่างกายยังไม่แข็งแรง หรือน้ำหนักไม่ถึง แต่ถือว่าได้เลือดเป็นจำนวนไม่น้อยแต่ก็ยังไม่เพียงพอในสต๊อกที่จะต้องมีกักตุนไว้ โดยตอนนี้ทางเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม ได้เดินหน้าเพื่อที่จะรับบริจาคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัญหาที่ผ่านมาคือการที่เกิดปัญหาวิกฤตโควิด-19 แพร่ระบาดทำให้ไม่สามารถออกไปรับบริจาคได้ตามปกติในสถานที่ต่างๆ โดยยังมีจุดรับบริจาคหลักที่บริเวณหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่มาคอยรับบริจาค โดยจะมีการรับบริจาคและอวัยวะไปจนถึงวันที่ 17 มกราคม นี้ โดยวันเสาร์อาทิตย์นี้ ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น.
ผบ.นสศ.นำกำลังพล 500 นาย ร่วมบริจาคโลหิตให้กาชาด
พล.ท.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ เป็นประธานนำกำลังพล และครอบครัวทหารนักรบพิเศษ จากหน่วยขึ้นตรงในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ทั้ง 3 ค่าย ประกอบด้วย ค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ค่ายเอราวัณ และค่ายวชิราลงกรณ์ จำนวน กว่า 500 นาย ตบเท้าร่วมบริจาคโลหิต ตามโครงการ "รวมเลือดเนื้อ ชาติเชื้อไทย บริจาคโลหิตฝ้าวิกฤตโควิด-19 รอบ 2" เพื่อเป็นโลหิตสำรองให้แก่โรงพยาบาล ต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งอยู่ในภาวะขาดแคลนโลหิตไม่เพียงพอต่อการใช้ในการช่วยเหลือรักษาผู้ป่วยในห้วงสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ณ สมาคมหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ
โดยมีเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ พยาบาลจากสำนักงานภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 2 จังหวัดลพบุรี และทีมแพทย์ใหญ่สนาม หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ตลอดจนทีมแพทย์หมอทหารจากจากหน่วยตรวจโรค กองพยาบาลศูนย์สงครามพิเศษ มาคอยอำนวยความสะดวกในการตรวจคักกรองกำลังพลและครอบครัวที่เดินทางมาบริจาคโลหิตในครั้งนี้ ตามมาตรการคัดกรองและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสถานที่รับบริจาคตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 ทางโลหิต โดยมีการตรวจคัดกรองซักประวัติผู้เข้าร่วมบริจาคโลหิต มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย พร้อมกำหนดการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลที่มารอบริจาคโลหิต เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริจาคโลหิตทุกคน