หนองคาย-รายแรกของจังหวัดหนองคาย แม่ค้าอาหารทะเล วัย 35 ปี รับอาหารทะเลจากสมุทรสาครขายในกรุงเทพ ไปตรวจโควิดกับสามี ผลสามีเป็นลบ ตัวเองตรวจด้วยแต่ไม่รอผลตรวจ เดินทางกลับบ้านที่หนองคาย พบผลตรวจเป็นบวก
สถานการณ์โรคโควิด 19 ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย หลังจากที่อยู่ในพื้นที่สีเขียวมาหลายวัน แต่สุดท้ายก็พบผู้ป่วยรายแรกของการระบาดรอบนี้แล้ว เป็นหญิงอายุ 35 ปี ชาวตำบลกุดบง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย มีอาชีพขายอาหารทะเลที่กรุงเทพ โดยใช้รถส่วนตัวไปรับอาหารทะเลจากตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.63 ไปรับอาหารทะเลช่วงเที่ยงคืนขายประจำที่บริเวณรามคำแหง 166 วันที่ 19 ธ.ค.63
หลังจากรับของมาไปขายที่ตลาดกรุงเทพกรีฑา ช่วงบ่ายถึงเย็นตลาดประกาศปิด ช่วง 20-21 ธ.ค.63 หยุดพักผ่อนในห้องพัก วันที่ 22 ธ.ค.63 ไม่มีอาการป่วยแต่ไปขอตรวจที่ศูนย์ 43 มีนบุรีอยู่บริเวณจุดคัดกรอง
เจ้าหน้าที่แจ้งไม่มีอาการไม่มีแนวทางตรวจ แนะนำให้ไปตรวจ รพ.นพรัตน์วันที่ 25 ธ.ค.63 ไปตรวจที่ศูนย์คลอดงสามวานพร้อมสามี ระหว่างรอผลตรวจไม่ได้ไปไหน วันที่ 28 ธ.ค.63 ผลตรวจสามีไม่พบเชื้อ แต่ผู้ป่วย ผลยังไม่ออกเจ้าหน้าที่แจ้งให้รอ ต่อมาวันที่ 29 ธ.ค.63 เวลา 14.00 น. เดินทางกลับบ้านที่ อ.โพนพิสัย โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมากับสามี มีจอดรถแวะเข้าห้องน้ำในปั๊มน้ำมันพีที และแวะกินข้าว ระหว่างทาง เดินทางถึงบ้านตอนเที่ยงคืน
จากนั้นวันที่ 30 ธ.ค.63 ตอนเช้าไปรายงานตัวกับ อสม.ที่หมู่บ้าน กลับมารับประทานอาหารร่วมกับพ่อแม่ ช่วงสายไปนา ไปสวน เวลาประมาณ 14.00 น. ไปรับหลานสาวที่ ร.ร.ชุมพลโพนพิสัย มีสามี ผู้ป่วย ลูก หลาน และเพื่อนหลานมาด้วย 2 คน รวม 6 คน จากนั้นแวะตลาด ช.เจริญ ซื้อปลานิลและผัก
และในเวลา 16.05 น. ศูนย์คลองสามวานโทรศัพท์แจ้งผลตรวจว่าเป็นบวกพบเชื้อโควิด ศูนย์ 43 มีนบุรี โทรแจ้งให้กักตัว จึงได้กักตัวอยู่บนชั้นสองของบ้านตามลำพัง
ผู้ป่วยแจ้งว่า เหตุที่ไม่รอผลตรวจก่อน เพราะผลตรวจสามีเป็นลบ จึงเข้าใจว่าของตนเองก็จะเป็นลบด้วยเช่นกัน จึงได้เดินทางกลับภูมิลำเนา แต่จำไม่ได้ว่าจมูกไม่ได้กลิ่นวันไหน แต่ลิ้นรับรสได้ดี และไม่มีอาการอื่น ๆ ซึ่งจากการตรวจสุขภาพเบื้องต้น มีไอแห้ง ๆ ไม่มีไข้ ไม่มีน้ำมูก ไม่เจ็บหน้าอก ไม่เหนื่อย
ส่วนสามีมีโรคประจำตัวเป็นภูมิแพ้ สำหรับผู้ป่วยรายนี้มีผู้สัมผัสร่วมบ้านในครอบครัวทั้งหมด 6 คน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม.ได้ดำเนินการเข้าตรวจสอบและให้ทุกคนกักตัวดูอาการแล้ว.