เชียงใหม่ - สสจ.เชียงใหม่จัดทีมสอบสวนโรคกรณีผู้ป่วยโควิด-19 ลำปางกลับจากระยองเกี่ยวข้องเข้าพักโรงแรมและใช้บริการร้านอาหารในพื้นที่ พบผู้สัมผัส 182 ราย เสี่ยงสูง 34 ราย นัดตรวจเชื้อและสั่งกักตัวแล้ว ขณะที่ สสจ.ระยองแจ้งพบคนขับรถทัวร์เชียงใหม่-ระยองเป็นชาวเชียงใหม่วัย 56 ปีติดโควิด-19 ประสานด่วนช่วยค้นหาผู้สัมผัส
ช่วงเย็นวันนี้ (29 ธ.ค. 63) นายแพทย์ กิตติพันธุ์ ฉลอม ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้แทนคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ แถลงสถานการณ์โควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ว่า ล่าสุดจังหวัดเชียงใหม่ยังไม่พบว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มและไม่พบว่ามีการระบาดในพื้นที่ โดยยังคงมีการคุมเข้มมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคในพื้นที่อย่างเคร่งครัด ตลอดจนเฝ้าระวังคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงที่เข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ โดยผู้ที่มีประวัติเสี่ยงสัมผัสผู้ป่วยหรือพื้นที่เสี่ยงจากจังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดระยองต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ตรวจไปแล้วทั้งสิ้น 195 ราย ผลเป็นลบทั้งหมด และต้องรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานโรคติดต่อในพื้นที่ พร้อมทั้งกักตัวสังเกตอาการ 14 วัน ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่อื่นๆ ต้องลงทะเบียน “CM-CHANA” ทุกรายก่อนเข้าพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
สำหรับกรณีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ของจังหวัดลำปางที่มีไทม์ไลน์ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วยนั้น ทางทีมสอบสวนโรคสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ได้รับการประสานและดำเนินการสอบสวนโรค พบว่าผู้ป่วยรายดังกล่าวเป็นชายอายุ 33 ปี ภูมิลำเนาจังหวัดลำปาง อาชีพพนักงานบริษัทเอกชนในจังหวัดระยอง วันที่ 25 ธ.ค. 63 เวลา 18.45-20.50 น. เดินทางจากสนามบินอู่ตะเภาด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD103 ที่นั่ง A11 มาถึงสนามบินเชียงใหม่ในเวลา 21.00 น. จากนั้นได้เช่ารถจากบริษัทรถเช่า เข้าพักโรงแรมอาร์ตไหม จังหวัดเชียงใหม่ และในเวลา 22.30-24.00 น. มีเพื่อน 3 คนมารับไปรับประทานอาหารที่ร้านทองดี ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะขับรถเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดลำปาง และวันที่ 27 ธ.ค. 63 ร่วมงานแต่งงานของเพื่อนโดยทราบข่าวผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดระยอง และเข้ารับการตรวจหาเชื้อในวันที่ 28 ธ.ค. 63 ซึ่งผลออกมาว่าติดเชื้อ
ทั้งนี้ ผลการดำเนินการค้นหาผู้สัมผัสในจังหวัดเชียงใหม่พบว่ามีผู้สัมผัสทั้งหมด 182 ราย ซึ่งได้รับการตรวจหาเชื้อแล้ว 26 รายอยู่ระหว่างรอผลตรวจ โดยเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงจำนวน 34 ราย ได้แก่ ผู้สัมผัสในชุมชน 16 ราย และผู้สัมผัสในยานพาหนะ 18 ราย ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จำนวน 148 ราย ได้แก่ ผู้สัมผัสในยานพาหนะ 130 ราย และผู้สัมผัสในชุมชน 18 ราย ซึ่งได้นัดหมายให้มารับการเก็บสิ่งส่งตรวจหาเชื้อในวันที่ 30 ธ.ค. 63 จำนวน 156 ราย ขณะผู้สัมผัสทั้งหมดได้รับคำแนะนำในการกักตัวเพื่อสังเกตอาการ 14 วันเรียบร้อยแล้ว สำหรับร้านทองดีและโรงแรมอาร์ตไหมที่ผู้ป่วยไปใช้บริการได้ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อตามมาตรการของกรมควบคุมโรคเรียบร้อยแล้ว
ขณะเดียวกัน ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่เปิดเผยด้วยว่า ล่าสุดช่วงเย็นวันนี้ (29 ธ.ค. 63) ทางทีมสอบสวนโรคสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ได้รับประสานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยองว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดระยอง เป็นชายไทย อายุ 56 ปี ภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นพนักงานขับรถของบริษัทนครชัยแอร์ สายระยอง-เชียงใหม่ มีประวัติเดินทางไปกลับเชียงใหม่-ระยองตลอดในช่วงที่ผ่านมา และมีประวัติเดินทางไปยังสถานที่ระบาดในจังหวัดระยอง จากการสอบสวนโรคพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในครอบครัวจำนวน 5 ราย นอกจากนี้ ผู้ป่วยมีประวัติไปตรวจรักษาโรคประจำตัวความดันโลหิตสูงที่คลินิกประกันสังคมของโรงพยาบาลราชเวช ในวันที่ 21 ธ.ค. 63 เวลาประมาณ 09.00-11.30 น. ซึ่งขณะนี้ทีมสอบสวนโรคกำลังดำเนินการติดตามผู้สัมผัส ขอให้ประชาชนผู้ที่ไปรับบริการในช่วงดังกล่าวติดต่อที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ โทร. 08-4805-2121, 08-4805-3131 หรือติดต่อที่สถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ต่อไป
นอกจากนี้ นายแพทย์ กิตติพันธุ์ย้ำว่า เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย กำลังขยายวงกว้าง ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงวันหยุดยาว ทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยเดินทาง วันนี้ในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่มีมติให้มีมาตรการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคอย่างเข้มข้น และเข้มงวดสำหรับสถานบริการที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สถานบันเทิง ผับ ร้านอาหาร ให้มีการตรวจบัตรประชาชนผู้เข้ารับบริการ ตรวจคัดกรองตามมาตรการป้องกันควบคุมโรค รวมถึงการจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ และให้เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคในพื้นที่ลงตรวจอย่างจริงจัง หากไม่ปฏิบัติตามมาตรการต้องถูกพิจารณาให้ปิดร้านได้ ทั้งนี้ การดำเนินการป้องกันควบคุมโรคของจังหวัดเชียงใหม่จะให้มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและเศรษฐกิจของเชียงใหม่น้อยที่สุด โดยขอให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมด้วยช่วยกันในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคด้วยการสวมหน้ากากอนามัย 100% ล้างมือ เว้นระยะห่าง และสแกน “ไทยชนะ” ทุกครั้ง