ฉะเชิงเทรา - กลิ่นเงินฟุ้งหรือที่จริงกระแสตก! "อ๋อย" ยอมรับฐานคะแนนเสียงเลือกนายก อบจ.แปดริ้ว สูสีอดีตนายกฯ 3 สมัยใต้ปีกสนับสนุนคนฝั่งรัฐบาล วอนพลังเงียบช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงอ้างได้กลิ่นเงินฟุ้ง
เหลือเวลาเพียงอีกแค่ไม่กี่ชัวโมงก็จะถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนายก และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด การเลือกตั้งท้องถิ่นที่ห่างหายไปนานถึง 8 ปี และการเลือกตั้งในครั้งนี้ยังถือเป็นการวัดฐานเสียงของหลายพรรคการเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดอีกด้วย
และอีกหนึ่งพื้นที่ที่น่าจับตาในจังหวัดภาคตะวันออกก็คือ จ.ฉะเชิงเทรา ที่มีผู้สมัครหมายเลข 1 เป็นอดีตแชมป์เก่าอย่าง นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ หรือนายกฯ ไก่ ที่ครองตำแหน่งยาวนานถึง 3 สมัย ผู้นำกลุ่ม "แปดริ้วโฉมใหม่" ที่ประกาศใช้ผลงานรักษาเก้าอี้จากผู้ท้าชิงหน้าใหม่อย่าง "จ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ" แกนนำกลุ่ม "ฉะเชิงเทราก้าวหน้า"
ที่มีผู้สมัคร ส.อบจ.หน้าใหม่ร่วมท้าชิงเก้าอี้แบบครบถ้วนทั้ง 30 เขต และยังมีอดีต ส.อบจ.รุ่นเก่าเข้าร่วมทีมภายใต้การสนับสนุนของกลุ่มการเมืองใหญ่อย่าง "ตระกูลฉายแสง" ที่พยายามปลุกปั้น "ยศสิงห์" เพื่อหวังล้มแชมป์เก่าอดีตนายกฯ ที่เคยปลุกปั้นมาเองกับมือ
ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (18 ธ.ค.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง ผู้ให้การสนับสนุนกลุ่ม "ฉะเชิงเทราก้าวหน้า" ได้ตั้งโต๊ะไลฟ์สดแถลงข่าวผ่านสื่อออนไลน์ โดยยอมรับว่ากระแสของการเลือกตั้งนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ระหว่างกลุ่มของผู้ที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มของคนในรัฐบาล และฝ่ายประชาธิปไตยที่ตนเองให้การสนับสนุนมีฐานคะแนนเสียงที่สูสีกัน
จึงขอให้กลุ่มพลังเงียบ หรือกลุ่มคนที่ยังหยุดนิ่ง ไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวหรือแสดงออกเพื่อรวมพลังคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยได้ออกมาใช้สิทธิในการเลือกตั้งนับสนุน "จ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ" ผู้สมัครหมายเลข 2 จากคณะก้าวหน้า โดยอ้างว่าเพื่อหยุดการสืบทอดอำนาจของฝ่ายตรงข้ามประชาธิปไตย
อีกทั้งยังอ้างอีกว่าได้รับการบอกกล่าวจากผู้คนในสังคมว่าเริ่มมีการจดชื่อและเตรียมที่จะใช้เงินในการเลือกตั้งครั้งนี้
นายจาตุรนต์ ยังบอกอีกว่า เลือกตั้งแบบเมื่อ 10 ปีก่อนซึ่งไม่มีการตรวจสอบ และยังอยู่ภายใต้การควบคุมของ คสช. และกระทรวงมหาดไทย ทำให้ได้นักการเมืองที่ทำงานแบบสะสมบารมี ดูแลแต่เฉพาะลูกน้องของตัวเองจึงทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่มีผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอัน และไม่มีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นจนเกิดปัญหาสะสม ทั้งปัญหาขยะ ปัญหาสิ่งแวดล้อม และปัญหาน้ำประปาที่ยังขาดแคลนอีกหลายพื้นที่
โดยอ้างว่าเสียงสำคัญที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนคือเสียงของพลังเงียบ และคนที่อยากเปลี่ยนแปลงจึงขอให้ช่วยกันออกเสียงให้มากๆ ที่สุดเพื่อผลต่อการเมืองในระดับประเทศที่จะพัฒนาไปเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น