ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ชาวโคราชแห่ให้กำลังใจ “ผู้ว่าฯ โคราช” สั่งปิดคอนเสิร์ต “บิ๊กเมาน์เท่น” ถูกต้องเหมาะสมที่สุดแล้ว ด้าน “ผบช.ภ.” ยันไม่หนักใจ ตำรวจทำงานตรงไปตรงมาตามขั้นตอน กม. จ่อหมายเรียก 2 ผู้บริหารแกรมมี่มารับทราบข้อหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวานนี้ ที่หน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ประชาชนในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา และชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กว่า 50 คน เดินทางมาชูป้ายและมอบดอกไม้ให้กำลังใจ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กรณีสั่งการให้ยุติการแสดงคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น มิวสิกเฟสติวัล ครั้งที่ 11 ที่สนามกอล์ฟ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19
โดยมี นายกรกต ธำรงวงษ์สวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นตัวแทนมารับมอบเนื่องจากนายวิเชียรติดภารกิจ โดยตัวแทนประชาชนกล่าวว่า ผู้ว่าฯ โคราชทำถูกต้องที่สุดเพราะหากเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ขึ้นมาจริงจะทำให้ชาวโคราชเดือดร้อนทั้งหมด และต้องล็อกดาวน์จังหวัด เศรษฐกิจพังคนโคราชต้องทุกข์หนักไปอีก ขณะที่กลุ่มมาจัดงานคอนเสิร์ตกอบโกยเงินและผลประโยชน์แล้วก็กลับไปอย่างสบาย ฉะนั้นเมื่อคุณทำไม่ได้ตามมาตรการที่เสนอไว้ต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ ก็ต้องถูกสั่งปิดเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว และขอเป็นกำลังใจให้ท่านผู้ว่าฯ นครราชสีมาได้ทำหน้าที่ต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.ภานุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวว่า สำหรับการดำเนินคดีต่อผู้จัดคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น ได้ให้หลักการพนักงานสอบสวน สภ.ปากช่อง ท้องที่เจ้าของคดี ไปแล้วในการดำเนินการ โดยให้เรียกเอกสารหลักฐานให้ครบและดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ผู้ต้องหาคือ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) มีกรรมการผู้มีอำนาจ 2 ราย คือ นายภาวิต จิตรกร และ นางสาวบุษบา ดาวเรือง
โดยความผิดชัดเจนคือ เรื่องการกระทำผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 34 (6) ห้ามผู้ใดกระทำการหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายที่โรคระบาดแพร่ออกไป มาตรา 35 ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน เพื่อเป็นการป้องกันแพร่ของโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาด ซึ่งเป็นคำสั่งของจังหวัดนครราชสีมาโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา มีอำนาจสั่งปิดสถานที่ได้ และมาตรา 52 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตามมาตรา 34 หรือผู้ว่าราชการจังหวัด ตามมาตรา 35 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกระทำขัดต่อข้อกำหนด พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.ปากช่องกำลังอยู่ระหว่างการเรียกเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่นิติกร ทั้งเรื่องคำสั่ง หนังสืออุทธรณ์ รวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการออกหมายเรียกผู้ต้องหาให้มารับทราบข้อกล่าวหา และสอบปากคำ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายให้เร็วที่สุดเพราะเป็นประเด็นที่สังคมกำลังจับตามอง เรื่องดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นการเมืองแต่อย่างใด แต่เป็นการกระทำที่ขัดต่อคำสั่งของจังหวัดฯ ก็ดำเนินการตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมาและตำรวจไม่ได้หนักใจแต่อย่างใด
