นครสวรรค์ - ลูกชายเผยชีวิตพ่อเฒ่าชาวนครสวรรค์ มือยิงตัดขั้วหัวใจลูกเขยดับคาที่ ก่อนหลบอยู่บนบ้านไม่ยอมมอบตัวข้ามวันข้ามคืน ยิงปืนแม่น-เคยสู้โจรปล้นบ้านยิงตายมาแล้ว 3 ศพ จนได้โล่เกียรติคุณจากนายอำเภอมาแล้ว
กรณีนายเทียบ ช่วงโชติ อายุ 81 ปี ได้ใช้อาวุธปืนขนาด .38 กระหน่ำยิงนายบัลลังค์ ไกรญาติ อายุ 42 ปี ผู้มีศักดิ์เป็นลูกเขย เสียชีวิตบริเวณหน้าบันไดใต้ถุนบ้าน พื้นที่หมู่ 7 ต.ท่าตะโก อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ เมื่อช่วงเวลา 21.00 น. ของวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา เพราะคิดว่าผู้ตายขโมยเงินไป 3 พัน
จากนั้นนายเทียบได้ถือปืนหลบหนีขึ้นไปซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านโดยไม่ยอมออกมามอบตัว แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้ทุกวิถีทางในการเกลี้ยกล่อมจนข้ามคืน และล่วงเลยมาจนถึงเย็นอีกวันก็ยังไม่มีวี่แววว่านายเทียบจะยอมออกมามอบตัว ตามที่ได้มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
กระทั่ง 20.00 น.เศษที่ผ่านมา (9 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ทั้งจาก ภ.จว.นครสวรรค์ และ สภ.ท่าตะโก กว่า 30 นาย ยังคงกระจายกำลังเข้าปิดล้อมบ้านของนายเทียบอยู่รอบบริเวณตลอดเวลา พร้อมใช้ยุทธวิธีในการกดดันต่างๆ ทั้งการติดตั้งไฟสปอตไลต์หลายดวงส่องเข้าไปที่บ้านพัก ป้องกันนายเทียบเห็นความเคลื่อนไหวจากภายนอก การใช้หนังสติ๊กยิงเข้าไปที่หลังคาบ้านอยู่ตลอดเวลา เพื่อก่อกวนให้นายเทียบเกิดการระแวดระวังจนอ่อนเพลียและหลับไป ซึ่งก็ใช้เวลาอยู่นานจนถึงเวลา 23.00 น.ก็ยังไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้นายเทียบออกจากบ้านมามอบตัวได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปฏิบัติการยาวนานข้ามคืนข้ามวันในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากทางผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครสวรรค์ได้มีการกำชับให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเน้นใช้วีธีการเกลี้ยกล่อมแบบอะลุ่มอล่วยให้มากที่สุด เนื่องจากมองว่านายเทียบมีอายุมากแล้ว และร่างกายไม่แข็งแรงจากภาวะโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หากใช้ยุทธวิธีที่แรงเกินกว่านี้อาจจะทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้ จึงยังคงให้เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเฝ้าโดยรอบบริเวณเอาไว้
และจะประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์วางแผนขั้นตอนการจับกุมอีกครั้งในเช้าวันนี้ (10 ธ.ค.) บริเวณหน้าปากทางเข้าบ้านของนายเทียบ ซึ่งหากนายเทียบยังคงไม่ยอมออกมามอบตัว ทางเจ้าหน้าที่จะตัดสินใจนำกำลังบุกเข้าไปภายในบ้านเพื่อจับกุมตัวให้ได้ แต่ก็ต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ และลดความเสี่ยงให้น้อยที่สุด เนื่องจากการบุกเข้าไปนั้น แม้เจ้าหน้าที่จะใช้กระสุนยางในการป้องกันตัว แต่นายเทียบมีปืนที่ใช้กระสุนจริงที่พร้อมตอบโต้ได้ทุกเมื่อ
ด้านบุตรชายของนายเทียบที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ มาช่วยเจรจาเกลี้ยกล่อมพ่อให้ยอมมอบตัวต่อตำรวจด้วย บอกว่า บ้านนี้พ่อจะพักอาศัยอยู่กับพี่สาวของตน และนายบัลลังค์ ผู้ตายซึ่งเป็นพี่เขยอีกคน ส่วนลูกของนายบัลลังค์จะพักอยู่ที่บ้านญาติละแวกใกล้เคียง
วันเกิดเหตุพี่สาวได้โทรศัพท์มาหา บอกให้ตนรีบเดินทางกลับมาบ้านเพื่อเกลี้ยกล่อมพ่อให้ยอมมอบตัวต่อตำรวจ เนื่องจากได้ก่อเหตุยิงสามีของพี่สาวจนเสียชีวิต ซึ่งชนวนเหตุไม่ได้มาจากเงินจำนวน 3 พันบาทหายไปเพียงเท่านั้น แต่หากย้อนหลังกลับไป บิดาจะถูกพี่เขยขอยืมเงินอยู่หลายครั้งแล้วก็ไม่ใช้คืน จนกระทั่งล่าสุดต้นเหตุที่ทำให้บิดาบันดาลโทสะเพราะเงินที่หายไป 3 พันบาทนั้นเป็นเงินที่บิดาของตนเตรียมไว้ที่จะจ่ายค่าเล่าเรียนให้หลาน จึงทำให้เกิดเหตุสลดดังกล่าว
ลูกของนายเทียบยังได้บอกด้วยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2524 พ่อตนก็เคยปรากฏเป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ และสื่อทีวีมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อต้องตกเป็นผู้ต้องหายิงคนตายไป 3 ศพ เหตุการณ์ครั้งนั้น พ่อตนมีบ้านพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ และยึดอาชีพทำไร่ทำนา จนมีเงินเก็บเตรียมจะไปออกรถยนต์
แต่กลับกลายเป็นว่าถูกโจร 6 รายใช้อาวุธสงครามมาบุกปล้นบ้านหมายชิงทรัพย์ จึงต้องตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงสู้กับโจรที่หน้าบ้าน จนโจรตายไป 3 ศพ บาดเจ็บอีก 1 คน ซึ่งก็เป็นที่มาของโล่รางวัลเกียรติคุณ เชิดชูความกล้าหาญในการป้องกันตัวจากเหตุถูกโจรบุกปล้นบ้าน โดยได้รับมาจากมือของนายอำเภอเมื่อปี 2524 ที่ทำให้พ่อภาคภูมิใจมาจนถึงทุกวันนี้
“เหตุผลส่วนหนึ่งที่พ่อต้องพกปืนติดตัวไว้ตลอด เพราะพ่อเคยผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ จากการต่อสู้กับโจรที่จะพยายามมาปล้นจนทำให้พ่อต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ถ้าให้พูดถึงสมัยก่อน เขายิงปืนแม่นมากนะ ขนาดโจรพกเอ็ม 16 มาปล้นบ้าน พ่อผมใช้ปืนลูกซองยาว และใช้กระสุนเพียง 8 นัดก็สามารถดับโจรไปถึง 3 ศพ จนที่เหลือต้องล่าถอยออกไป”
บุตรชายของนายเทียบยังกล่องต่อว่า ปืนที่พ่อพก ทั้งปืนลูกซองยาว และปืนสั้นขนาด .38 ซึ่งใช้ก่อเหตุยิงนายบัลลังค์จนเสียชีวิตก็เป็นปืนชุดเดียวกันกับที่ใช้สู้กับโจรเมื่อปี 2524 ตนก็ไม่คาดคิดว่าพ่อจะมาใช้ก่อเหตุครั้งนี้อีก และหากตนขอได้ตอนนี้ก็อยากจะขอให้พ่อยอมมอบตัวต่อตำรวจดีที่สุด และทุกอย่างตนจะหาทางช่วยพ่อในการต่อสู้กันในชั้นศาล