เชียงใหม่ - เทศบาลนครเชียงใหม่และชลประทานเตรียมเก็บกู้ซากกระทงหลายหมื่นชิ้นในแม่น้ำปิงลอยติดหน้าประตูน้ำท่าวังตาลเพื่อนำไปทำปุ๋ยหมักและกำจัดทิ้ง ระบุปริมาณขยะลดลงจากปีก่อน 54% เป็นวัสดุธรรมชาติ 99%
วันนี้ (2 พ.ย. 63) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า หลังเสร็จสิ้นช่วงประเพณียี่เป็งหรือลอยกระทงของจังหวัดเชียงใหม่ ตลอดช่วง 3 วันที่ผ่านมา พบซากกระทงหลายหมื่นชิ้นลอยมาตามลำน้ำแม่ปิงมาติดอยู่ที่บริเวณประตูระบายน้ำท่าวังตาล ตำบลป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยพบว่าปริมาณลดลงจากปีก่อนๆ เกือบเท่าตัว ซึ่งปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งเนื่องมาจากการจัดงานในปีนี้พบกับปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้ ประกอบกับมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงาน ทำให้บรรยากาศงานในปีนี้ไม่คึกคักเหมือนปีที่ผ่านมา ซึ่งซากกระทงดังกล่าวนี้ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ประสานงานกับชลประทานเชียงใหม่เตรียมดำเนินการเก็บกู้ไปคัดแยกทำปุ๋ยหมัก และทำลายทิ้ง โดยพบว่ากระทงกว่าร้อยละ 99 เป็นกระทงต้นกล้วยใบตอง และวัสดุธรรมชาติ
ทั้งนี้ จากการสอบถามเทศบาลนครเชียงใหม่ระบุว่า เบื้องต้นทางเทศบาลได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครนักเรียนในเขตเทศบาลมาช่วยกันเก็บซากกระทงตั้งแต่ช่วงทิศเหนือของแม่น้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองไล่ลงไปจนถึงประตูระบายน้ำท่าวังตาล พร้อมกันนี้จะรอให้ซากกระทงที่ยังคงตกค้างในแม่น้ำปิงลอยมาสมทบกันที่ประตูระบายน้ำ จากนั้นในวันที่ 4-5 พ.ย. 63 จะร่วมกับทางชลประทานเชียงใหม่นำรถตักมาดำเนินการจัดเก็บออกจากแม่น้ำปิงให้หมด โดยส่วนหนึ่งจะคัดแยกไปทำปุ๋ยหมัก ส่วนที่เหลือก็จะไปฝังกลบ เพราะส่วนใหญ่เป็นวัสดุธรรมชาติสามารถย่อยสลายได้ไม่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่ปัญหาเรื่องโคมลอยนั้น พบว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากประชาชนในการงดปล่อย ซึ่งสังเกตได้ว่าในปีนี้แทบจะไม่มีซากโคมลอยปลิวลงมาตกตามพื้นที่สาธารณะหรือท้องถนนในพื้นที่เลย
ขณะที่ข้อมูลจากชลประทานเชียงใหม่ระบุว่า จากการสรุปเบื้องต้นพบว่าปริมาณขยะกระทงหน้าประตูระบายน้ำท่าวังตาล ตำบลป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ปีนี้มีปริมาณทั้งสิ้นประมาณ 23.04 ตัน ลดลงจากปีที่แล้ว 26.96 ตัน หรือลดลง 54% โดยจำนวนซากกระทงทั้งสิ้นประมาณ 45,000 ใบ แยกเป็นทำจากวัสดุธรรมชาติ 98.7% วัสดุโฟม 1.3%