ตราด - โครงการ “คนละครึ่ง” เมืองตราด ยังไม่คึกคัก เหตุประชาชนยังไม่เข้าใจการใช้สิทธิ ด้านผู้ประกอบการชี้ข้อติดขัดยังอยู่ที่รัฐโอนเงินให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการช้าทั้งที่อยากได้เงินสดไว้หมุนเวียน ชี้ควรประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น
จากกรณีที่รัฐบาลได้จัดทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย และสนับสนุนการซื้อสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและผู้ประกอบการรายย่อย ด้วยการเปิดให้ประชาชนได้ลงทะเบียนรับสิทธิในโครงการ “คนละครึ่ง” ซึ่งรัฐจะช่วยจ่ายเงินค่ากินและชอปให้แก่ประชาชน 50% วันละ 150 บาท ในยอดวงเงินสูงสุด 3,000 บาท
นอกจากนั้น ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการร้านค้าได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการและได้เปิดให้ประชาชนได้ใช้สิทธิไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานั้น
วันนี้ (26 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศการใช้สิทธิในโครงการ “คนละครึ่ง” ของชาว จ.ตราด พบว่า ยังไม่คักคักเท่าที่ควร ซึ่งประชาชนในพื้นที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ายังไม่เข้าใจถึงวิธีการใช้สิทธิ และอยากให้รัฐบาลประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้น
นายพงษ์พันธ์ เดชกล้า เจ้าของร้านข้าวต้มเลือดหมูพงษ์พันธ์ ซึ่งเป็น 1 ในร้านอาหารมีชื่อเสียงของ จ.ตราด บอกว่า ในแต่ละวันทางร้านจะมีลูกค้าซึ่งเป็นชาว จ.ตราด เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมากและส่วนใหญ่จะชำระค่าอาหารเป็นเงินสด และเมื่อรัฐบาลเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” ก็เริ่มมีชาว จ.ตราด และต่างพื้นที่เข้ามาใช้สิทธิ แต่ก็ยังไม่มากนัก ซึ่งขณะนี้เฉลี่ยผู้ใช้สิทธิในโครงการดังกล่าวเพียง 10-15 คนต่อวัน
“สิ่งที่รัฐบาลยังต้องเร่งปรับปรุงคือการจ่ายเงินให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการที่น่าจะเป็นแบบวันต่อวัน เพราะเจ้าของร้านส่วนใหญ่ติดภาระเรื่องหนี้สินกับสถาบันการเงินและต้องการเงินสดเข้ามาใช้หมุนเวียนภายในร้าน ที่สำคัญรัฐควรจะประชาสัมพันธ์เรื่องการใช้จ่ายให้แก่ประชาชนให้เพิ่มมากขึ้น” เจ้าของร้านข้าวต้มเลือดหมูพงษ์พันธ์ กล่าว
เช่นเดียวกับ นางเพชรชมพู เกาะโพธิ์ เจ้าของร้านเรจคอฟ ร้านกาแฟและร้านอาหารซึ่งเป็นที่รู้จักของชาว จ.ตราด บอกว่าโครงการคนละครึ่ง ทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการภายในร้านเพิ่มขึ้นแต่ก็ยังไม่ทราบว่าจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนานเท่าใด เพราะผู้ที่เข้ามาใช้บริการส่วนใหญ่ยังเป็นข้าราชการ ซึ่งจากนี้ไปคงต้องเฝ้าสังเกตการณ์อีกระยะ