ชัยนาท - ชลประทานชัยนาทเปิดสปิลเวย์ 3 บาน เร่งระบายอ่างเก็บน้ำห้วยหนองโรง อ.เนินขาม หลังมีมวลน้ำไหลเข้าอ่างเกินปริมาณกักเก็บ ส่งผลให้หมู่บ้านและพื้นที่การเกษตรใต้อ่าง 3 ตำบล ถูกน้ำท่วมกว่า 2 หมื่นไร่
วันนี้ (20 ต.ค.) นายพีรยุทธ์ เหมาะพิชัย ผู้อำนวยการโครงการชลประทานชัยนาท เปิดเผยว่า ฝนที่ตกสะสมหลายวันในพื้นที่ จ.ชัยนาท ประกอบกับน้ำป่าที่ไหลหลากมาจาก จ.อุทัยธานี ทำให้มีมวลน้ำจำนวนมาก ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำห้วยหนองโรง อ.เนินขาม จ.ชัยนาท ส่งผลให้น้ำในอ่างมีปริมาณเพิ่มขึ้นมากกว่า 15 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งมากกว่าระดับกักเก็บกว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 112% ของความจุอ่าง
โครงการชลประทานชัยนาท จึงต้องเร่งระบายน้ำผ่านทางน้ำล้น หรือสปิลเวย์ทั้ง 3 บาน ในปริมาณ 75 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อลดปริมาณน้ำในอ่างให้อยู่ในระดับกักเก็บ 80% ของความจุอ่าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการระบายน้ำดังกล่าว ส่งผลกระทบให้พื้นที่ใต้อ่างเก็บน้ำำ ได้แก่ ตำบลกะบกเตี้ย ตำบลสุขเดือนห้า และตำบลเนินขาม อ.เนินขาม มีน้ำหลากเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร จำนวนกว่า 22,000 ไร่ โดยแยกเป็นนาข้าวที่กำลังออกรวง จำนวนกว่า 9,400 ไร่ ถูกน้ำท่วมสูง 50-80 เซนติเมตร และพืชไร่ อ้อย มันสำปะหลัง สวนผลไม้ จำนวนกว่า 12,600 ไร่ ถูกน้ำท่วมสูง 30-40 เซนติเมตร
นอกจากนี้ น้ำยังหลากเข้าท่วมถนนต่างๆ ภายในหมู่บ้านที่ตำบลเนินขามอีก 4 หมู่บ้าน สูงประมาณ 10-20 เซนติเมตร ทำให้ชาวบ้านสัญจรลำบาก ซึ่งน้ำท่วมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ชาวบ้านจึงต้องเฝ้าระวัง และเก็บข้าวของขึ้นที่สูงแล้ว
นายอนันต์ เกตุพุทธรรม อายุ 68 ปี เกษตรกรตำบลกะบกเตี้ย บอกว่า ตนปลูกอ้อยและข้าวหอมมะลิ รวมจำนวน 40 ไร่ ใช้เงินลงทุนไปกว่า 60,000 บาท ซึ่งข้าวหอมมะลิกำลังออกรวง หวังจะเก็บเกี่ยวขายได้ทุนคืนบ้าง แต่กลับมาถูกน้ำท่วมเสียก่อนโดยไม่ทันตั้งตัว บางแปลงถูกน้ำท่วมสูงมิดรวงข้าว ยังไม่รู้ว่าข้าวจะตายหรือไม่ เพราะถ้าน้ำแห้งไวโอกาสที่ข้าวจะรอดตายก็มีมาก แต่หากน้ำท่วมนานเกิน 1 สัปดาห์ ข้าวจะเน่าตายเสียหายทั้งหมด ตอนนี้จึงได้แต่ภาวนาขอให้ฝนหยุดตก และขอให้ชลประทานหยุดปล่อยน้ำเพื่อให้ข้าวและอ้อยที่ปลูกไว้ได้มีโอกาสรอดตาย