สระบุรี - พระลูกวัดวอนประชาชนเห็นใจเจ้าอาวาส ถูกครอบครัวมารศาสนาทำลายชื่อเสียง หลังจากให้ที่พักอาศัยเพราะเห็นว่ายากจนไม่มีที่อยู่ กลับมาสร้างสถานการณ์ทำลายกัน เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี และได้แจ้งความดำเนินคดีกันไปแล้ว
จากกรณีที่ได้มีคลิปภาพเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหลากหลายสื่อเช้าวันนี้ (11 ก.ย.) โดยผู้ใช้เพจชื่อ Supachai Tongkham เป็นพระสงฆ์อยู่ที่วัดสวนกล้วย ต.กุ่มหัก อ.หนองแค จ.สระบุรี เป็นภาพการต่อสู้ชุลมุนระหว่างพระสงฆ์กับสีกาที่ใส่ชุดขาว พร้อมกลุ่มคนธรรมดาอีก 2-3 คน และมีเสียงประกอบเป็นชายประณามว่า “นี่หรือพระสงฆ์” และข่มขู่ว่าจะนำเรื่องให้ถึงตำรวจ
โดยในเพจดังกล่าวพระศุภชัย ลงข้อความแจ้งเตือนด้วยประกอบด้วยว่า ใครพบเห็นครอบครัวนี้อย่าให้เข้าวัดนะครับ เพราะว่าไปอยู่ที่ไหนมีปัญหาที่นั่นมาหลายที่แล้ว ใส่ร้ายพระ ทำร้ายพระ เป็นขบวนการเพื่อที่จะมาแบล็กเมล์พระ มีทั้งหมด 5 คน พ่อแม่ลูก เหตุการณ์ที่เกิดในคลิปเกิดขึ้นที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งครอบครัวนี้ได้มาอาศัยอยู่ และได้ก่อเหตุขึ้น ต่อมา ทราบว่าวัดที่ครอบครัวดังกล่าวนี้ไปก่อเหตุขึ้นนั้นคือ “วัดเกตุแก้ว” ท้องที่ ม.9 ต.ตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ พบพระเสริม ภัท.โก อายุ 61 ปี พระลูกวัด และนายสุรเดช สุขประเสริฐ อายุ 53 ปี ลูกศิษย์วัด เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นตามคลิป
พระเสริม เปิดเผยว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ.2563 ที่ผ่านมา ขณะที่อาตมา พร้อมพระรูปอื่นๆ กลับจากบิณฑบาต พบเหตุการณ์ความชุลมุนและมีเสียงตะโกนโวยวายยื้อยุดฉุดกระชากกันเกิดขึ้น ระหว่าง เจ้าอาวาส คือ พระมหาสมศักดิ์ ญต.สโก อายุ 55 ปี พร้อมเสียงชายหญิงกล่าวหาว่า เจ้าอาวาสจับหน้าอกหญิงสาว พร้อมถ่ายคลิปไว้ พวกอาตมาจึงได้เข้าไปห้ามและช่วยห้ามปราม แต่กลุ่มคนดังกล่าวได้ผลักนายสุรเดช จนล้มลง และใช้ไม้ฟาดเข้าที่ด้านหลังบาดเจ็บเล็กน้อย เมื่อเหตุการณ์สงบ ครอบครัว ชายหญิงดังกล่าวได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่่อพนักงานสอบสวน สภ.แก่งคอย
พระเสริม กล่าวอีกว่า และในวันเดียวกันนั้นเอง หลังสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดแล้ว พบว่าครอบครัวชายหญิงดังกล่าวเคยก่อเหตุและมีพฤติกรรมในลักษณะนี้มาหลายครั้ง หลายวัด ทั้งใน กทม. จ.ลพบุรี และที่อื่นๆ อีกหลายแห่ง หลังจากนั้น ทางผู้ก่อเหตุที่มาอาศัยวัดอยู่จึงได้ยินยอมถอนแจ้งความ จากนั้นทางวัด คณะกรรมการวัดจึงให้ครอบครัวดังกล่าวนั้นขนของออกจากวัดไปโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเป็นสักขีพยาน และเรื่องก็เงียบหายไปนานมาแล้ว แต่จู่ๆ ทำไมมีคลิปภาพเหตุการณ์ออกมาเผยแพร่อีก แต่ คนก็คือคนนะ เมื่อเห็นคลิปอะไรก็ปล่อยออกมา และเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เจ้าอาวาสแจ้งว่ากลุ่มคนดังกล่าวได้เข้ามาขอเงินนับหมื่นบาท เมื่อถูกปฏิเสธจึงได้ก่อเหตุขึ้น เป็นการทำงานกันเป็นทีม
พระเสริม เปิดเผยเบื้องหลังครอบครัวดังกล่าวที่มักมีคนพูดกันว่าเป็น "ครอบครัวหรรษา" ก่อนที่จะก่อเรื่องเมื่อประมาณเดือนมกราคม 2563 มีพระเป็นเพื่อนกับเจ้าอาวาส ฝากฝังมาให้มาอยู่ที่วัดเกตุแก้วแห่งนี้ แรกๆ ที่มาอาศัยรถกระบะเก่าๆ นอนรวมกันอยู่บนรถ 5 คนฝ่ายภรรยาเป็นต่างด้าว (พม่า) เจ้าอาวาสพิจารณาแล้วเห็นความยากลำบาก จึงให้พักอาศัยในห้องพักใกล้กุ ช่วยเหลืองานทางวัด
ขณะที่อยู่ในวัดลูกสาวซึ่งเป็นวัยรุ่นมักแต่งกายไม่สุภาพ ขณะสวดมนต์มักแย่งไมค์จากพระ อยู่ไปๆ มีเรื่องกับพระทั้งวัด และมักจะนำทรัพย์สินของวัดมาเป็นสมบัติส่วนตัว อาตมาขอความเป็นธรรมให้แก่เจ้าอาวาสด้วย เพราะท่านไม่มีพฤติกรรมเช่นนั้น เป็นพระปฏิบัติธรรม พัฒนาศาสนาวัตถุ ซึ่งในวันนี้ท่านไม่อยู่เดินทางไปปฏิบัติธรรมในกรุงเทพฯ หลังจากมีเรื่องในวันนั้น ครอบครัวนี้ก็ได้ย้ายออกไปจากวัด ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหนต่อ
นายสุรเดช สุขประเสริฐ อายุ 53 ปี ลูกศิษย์วัดกล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนเองก็อยู่ในเหตุการณ์ เห็นครอบครัวนี้ขึ้นไปคุยกับพระอาจารย์ที่บนศาลา แล้วเดินลงมาด้านล่าง แล้วได้ยินมีเสียงทะเลาะ และเกิดการต่อสู้ มีผู้หญิงในคลิปรุมทำร้ายเจ้าอาวาส ตนเองเข้าไปช่วยยังได้รับบาดเจ็บที่บริเวณอก ตนเองเสียใจที่ไม่มีใครช่วยท่าน ตนเองรู้สึกไม่สบายใจ ครอบครัวนี้มีพระอาจารย์ที่อื่นนำมาฝากให้อยู่ ชอบทำตัวเด่น นอกจากนี้ พระอาจารย์ยังให้ที่อยู่อาศัย ยังมาทำอย่างนี้อีก ตนเองขอความเห็นใจ พระอาจารย์ท่านเป็นคนที่เอื้อเฟื้อคนเอง ใครมาก็ให้อาศัยอยู่ที่วัด แม้กระทั่งพระมาขออาศัยก็ให้อยู่
ส่วนทางผู้สื่อข่าวได้สอบถาม พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ แสนวงศ์สิริ ผกก.สภ.แก่งคอย ทางโทรศัพท์ เปิดเผยว่า ด้านสีกา.และพระนั้นทั้งคู่ได้มาทำการแจ้งความซึ่งกันและกัน โดยมาที่ สภ.แก่งคอย โดยแจ้งหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งแล้วให้ไกล่เกลี่ยและตกลงกันเองก่อน ปรากฏว่าตกลงกันได้จึงได้แยกย้ายกัน